เชียงราย-ด้อมส้มเชียงรายฟาดแรง ขึ้นป้ายหน้าร้าน ไม่ต้อนรับ 7 ตุลาการ 5 กกต. 235 สว. และครอบครัว ไม่สนับสนุนเผด็จการ
วันที่ 22 ก.ค.2566 ตอนนี้เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของด้อมส้มเชียงราย ถึงการที่ไม่โหวตให้พิธาเป็นนายก และเบียดเบียนทุกวิถีทาง ทำด้อมส้มเชียงราย เกิดความเคือง ความไม่ยุติธรรมของการเมืองไทย ได้ขึ้นป้ายที่หน้าร้านอาหาร ไม่ต้อนรับ 7 ตุลาการ 5 กกต. 235 สว. และครอบครัว ไม่สนับสนุนเผด็จการผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังร้านอาหารฮักม่วน ตั้งอยู่บริเวณริมทาง ถนนเลี่ยงเมืองเวียงบูรพา ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ได้พบกับ นส.เบญญาภา วราพิภัทรกุล อายุ 34 ปี เจ้าของร้านอาหารฮักม่วน ได้กล่าวถึงการเมือง ซึ่งตนเองอยากเห็นการเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งที่ผ่านมา เป็นแนวการเมืองเดิมๆ และไม่มีการพัฒนาตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งหมด ซึ่งตนเองเป็นคนรุ่นใหม่ ก็อยากเห็นประเทศชาติเปลี่ยนแปลงพัฒนาดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้น
ซึ่งตอนนี้หากพรรคเพื่อไทย ได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ก็อยากจะให้ทำดีกว่าเก่าที่ผ่านมา ซึ่งไม่อยากเห็นการเมืองเล่นพรรคเล่นพวกเหมือนเดิม ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนเองเล็งเห็นว่า มีหลายฝ่ายได้ออกมาวิพากษ์วิจารย์ ถึงการไปเลือกตั้ง เพียงไปกากเศษกระดาษเท่านั้น ไม่ฟังเสียงคะแนนประชาชน 10 ล้านเสียง แต่ให้ฟังเสียง 250 เสียง ที่เป็นเสียงเทวดา ซึ่งไม่ยอมฟังเสียงประชาชน และหาข้ออ้างมาตรา 112 มาเป็นข้ออ้างเล่นงานกัน ซึ่งตนเองเล็งเห็นว่า การที่จะแก้ไขกฎหมาย มันไม่ใช้เรื่องง่าย จะต้องเข้าที่สภาก่อน ก่อนที่จะได้แก้ไข ต้องมีมติเห็นชอบในสภาก่อน ซึ่งตนเองเล็งเห็นการเมืองครั้งนี้เป็นการโกง แบบเห็นชัดๆ และจะให้ประชาชนออกไปเลือกตั้งทำไหม ให้เสียงบประมาณ ใช้เสียงคนเพียง 250 เสียงมาตัดสิน ว่าเขาเป็นคนไม่ดี แล้วที่ผ่านมา คนดีเป็นอย่างไร ซึ่งถือได้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ให้เกียรติประชาชน ในส่วนชอบพิธา ตนเองอยากจะเห็นคนรุ่นใหม่ การเมืองแบบใหม่ เข้ามาพัฒนาประเทศชาติ ที่มีแนวคิดในยุคของคนสมัยนี้ แนวคิดการติดป้ายหน้าร้าน ไม่ต้อนรับ 7 ตุลาการ 5 กกต. 235 สว. และครอบครัว ไม่สนับสนุนเผด็จการ เกิดจากการที่ได้ดูการโหวตนายกพิธา ที่ผ่านมาเห็นแล้วเกิดอารมณ์ จากคำพูดว่า 14 ล้านเสียงของประชาชนไม่ใช้เทวดา แต่คนที่ลงคะแนนเสียงทุกคนต้องการ การเปลี่ยนแปลง แต่การลงคะแนนเสียงให้นายก ในครั้งนี้แต่ต้องรอคะแนนเสียง สว. ก็อยากถามว่า สว.มาจากใคร ทั้งที่ ไม่ได้มาจากเสียงประชาชน และเงินเดือนของ สว.ก็เป็นภาษีของประชาชน แต่ไม่ฟังเสียงประชาชน จึงอยากจะเห็นการเมือง และเศรษฐกิจ ทุกวันดีกว่านี้ ซึ่งที่ผ่านมาเจอแต่พิษเศรษฐกิจซึ่งตนเองเห็นว่า ใครก็ได้ที่มาเป็นนายกตอนนี้ แต่อยากจะได้คนที่มีแนวคิดคนรุ่นใหม่ เข้ามาบริหารประเทศ เพื่อไปตามยุค ตามสมัย ทันโลกที่เปลี่ยนไป ให้มาการติดต่อสื่อสารค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้น “ ท้ายนี้ฝากถึงคุณพิธา 4 ปี เรายังรอ ”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
ข่าวน่าสนใจ:
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: