เชียงราย-คนคิดทำมีดเลาะตาสับปะรดได้ เพื่อแก้ไขให้แรงงานรับจ้างเลาะตาสับปะรดเป็นครั้งแรก แต่มีคนไปอ้างสิทธิบัตร ถึงขั้นขึ้นศาล
วันที่ 17 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ชุมชนบ้านโป่งน้ำตก-โป่งพระบาฑ-บ้านแม่ภูคา-ร่องปลาค้าว ต.บ้านดู่ และ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นหมู่บ้านและตำบลที่มีการปลูกสับปะรด ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เป็นต้นกำเนิดสับปะรดภูแล และนางแล ซึ่งสับปะรดภูแลจะมีจุดเด่นที่มีขนาดลูกเล็ก ทำให้คนในชุมชนได้คิดหาทางที่จะใช้วัสดุเลาะตาสับปะรดให้รวดเร็ว ซึ่งเมื่อก่อนจะใช้แต่มีดในการเลาะตาสับปะรด ต่อมาก็ได้มีคนค้นคิดใช้ช้อนดัดแปลง มีด้ามจับ ซึ่งก็สามารถเลาะเอาตาสับปะรดได้อย่างรวดเร็ว จากที่คนงานใช้มีดเลาะตาได้วันละ 40 กก. จากเมื่อมีการคิดค้นมีดเลาะสับปะรดได้ ทำให้ปอกลูกสับปะรดได้วันละ 80 กก. แต่คนในชุมชนไม่ได้จดสิทธิบัตรไว้ เพราะติดที่ขั้นตอนยุ่งยาก และมีค่าใช้จ่ายสูง จนกระทั่งมีคนนำไปจดสิทธิบัตรได้ที่ จ.ยะลา แล้วนำกลับมายื่นโนติส เรียกค่าสิทธิบัตรกับคนในชุมชนบ้านโป่งน้ำตก ทำให้พ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ต้องเสียเงินกันรายละ 3-5 หมื่นบาท เพราะไม่อยากไปต่อสู้ในชั้นศาลผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านนาย เรวัฒน์ เรือนสังข์ (ผู้ผลิต) บ้านเลขที่ 138 ม.7 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย พร้อมกับนาย ร.ต.อ.ไพชยนต์ ดอนลาว (คนจุดประกายทำมีเลาะตาสับปะรด) ตร.สภ.เมืองเชียงราย ร.ต.อ.ไพชยนต์ เผยว่า เมื่อช่วงปี 2553 ได้สั่งซื้อสับปะรด 500 บาท พร้อมรับประทานได้เลย ที่นายเรวัฒน์ เพื่อนำไปแจกงาน ซึ่งได้เห็นวิธีการเลาะตาสับปะรดยาก ใช้เวลานาน จึงแนะนำให้ไปหาวิธีทำอย่างไรก็ได้ เพื่อที่จะได้รวดเร็ว อีกทั้งจะได้ให้โรงงานปอกสับปะรดได้ใช้ อีกด้วยกระทั่ง นายเรวัฒน์ สามารถคิดใช้ช้อนมาทุบทำเลาะตาสับปะรดได้ตามที่ ร.ต.อ.ไพยนต์ เสร็จทันวันงาน ซึ่งต่อมามีคนในชุมชนริเริ่มดัดแปลงทำกันมาเรื่อยๆ กระทั่งมีผู้ทำมีดเลาะตาสับปะรดขายประมาณ 7 ราย ที่สามารถทำมีดเลาะตาสับปะรดได้ พร้อมนำออกจำหน่ายทั่วประเทศ ส่งขายทางออนไลน์อีกด้วย ซึ่งทางนายเรวัฒน์เป็นคนริเริ่มคนแรก ก็ได้ไปขอจดสิทธิบัตรเมื่อ 2553 แต่ทางเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดเชียงราย แนะว่าหากมีการจดสิทธิบัตรต้องใช้เป็นเงินจำนวนมาก และเห็นว่าเป็นช้อน ซึ่งเป็นของใช้ในครัวเรือน ทุกคนก็สามารถใช้ในครัวเรือนได้ นายเรวัฒน์จึงไม่ได้ดำเนินการต่อ กระทั่งมีคนในชุมชนใกล้เคียงไปจดสิทธิบัตร เมื่อปี 2559 ซึ่งก็สามารถจดได้ แต่มีคนในชุนชนที่ทำขายเหมือนกัน ได้ไปร้องคัดค้าน เนื่องจากมีนายเรวัฒน์เป็นคนคิดได้คนแรก ซึ่งทำให้คนในชุมชนใกล้เคียงยอมล่าถอย ยกเลิกการจดสิทธิบัตรไปกระทั่งประมาณเมื่อประมาณเดือน มี.ค. 65 หรือ 15 เดือน ที่ผ่านมา กลับพบว่าสิทธิบัตรมีดเลาะตาสับปะรดไปโผล่ที่ จ.ยะลา และไล่ยื่นฟ้องผู้ที่ทำมีดเลาะตาสับปะรดเกือบทุกรายในชุมชน และคนจดสิทธิบัตรได้ไปเห็นเพจของลูกชายนายเรวัฒน์โพสต์ขายทางออนไลน์ ให้นายเรวัฒน์และครอบครัวถูกยื่นโนติสมาจากจังหวัดยะลา เรียกค่าละเมิดสิทธิบัตร 50,000 บาท โดยขู่ว่าถ้าไปต่อสู้ในชั้นศาลจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่านี้ และยังมีอีกหลายรายที่ถูกยื่นโนติส และยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการไม่มีเรื่อง ซึ่งลูกของนายเรวัฒน์ ไม่ยินยอมขอต่อสู้ในชั้นศาล กระทั่งศาลได้ตัดสินเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา ให้ยกฟ้อง แต่ทางลูกชายนายเรวัฒน์ ต้องรอดูว่าอีกฝ่ายจะมีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งหลังจากนั้นจะได้ไปขอยื่นถอดถอน เพื่อจะให้เป็นของคนในชุมชน ต.บ้านดู่ และนางแล เพื่อใช้ประกอบทำมาอาชีพต่อไป ซึ่งนายเรวัฒน์ อยากจะให้เป็นอุทาหรณ์และเป็นแนวคิดกับผู้ที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาว่า ควรจะไปจดสิทธิบัตรไว้ก่อน หากพลาดจะถูกยื่นโนติสมากกว่าที่จะเสียเงินค่าขอจดสิทธิบัตร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
ข่าวน่าสนใจ:
- ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เชิญส่วนราชการ เอกชน สื่อมวลชน 50 คน เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนกระตุ้นการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจในชุมชน อย่างยั่งยืน
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
- เปิดบริการแล้ว MFU Wellness Center มฟล. ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรแห่งภาคเหนือและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
- รวบสาวใหญ่ซิ่งมอไซค์ขนยาบ้า 516,000 เม็ด
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: