เชียงราย-จากกรณีหมู่บ้านดอยสะโง้มีหมูดำทยอยตายเป็นจำนวนมาก ล่าสุดเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายลงพื้นที่สกัดไม่ให้ห้ามนำสัตว์เข้าของหมู่บ้าน
วันที่ 30 ก.ย.นี้ นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์ จ.เชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์ จ.เชียงราย และปศุสัตว์ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ด่านกักกันสัตว์เชียงราย สํานักงาน ปศุสัตว์เขต 5 และศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนบน ฯลฯ ได้ร่วมกันลงพื้นที่หมู่บ้านดอยสะโง้ หมู่ 7 ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และร่วมหารือกับผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจําตําบล และชาวบ้านในพื้นที่หลังจากที่ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุสุกรหรือหมูดำของชาวบ้านในหมู่บ้านดอยสะโง้ซึ่งเป็นที่อาศัยของชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าอาศัยอยู่ได้ป่วยด้วยอาการซึมและตายอย่างผิดปกติจำนวนถึง 68 ตัว จากชาวบ้านผู้เลี้ยงจำนวน 8 ราย ขณะที่ในหมู่บ้านยังมีผู้เลี้ยงสุกรอีกเป็นจำนวนมากด้วยล่าสุดเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้ตรวจซากสัตว์พบว่าได้ตายด้วยโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกร (ASF) จึงได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ประกาศกำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราวชนิด ASF โดยมีแนวโน้มจะระบาดออกไปยัวพื้นที่ข้างเคียงหรือระบาดเข้าไปในพื้นที่จากการเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นพาหนะนำโรค จึงได้จัดการควบคุมโรคโดยห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ออกนอกพื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตร จากนั้นได้สำรวจข้อมูลจำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและจำนวนสุกรทั้งหมดซึ่งจากการสำรวจพบว่าในหมู่บ้านดอยสะโง้มีผู้เลี้ยงจำนวน 33 ราย มีสุกรรวมกันทั้งหมด 192 ตัว และมีสุกรที่เป็นของชาวบ้านทั้ง 8 ราย ได้ตายแบบยกคอกรวมจำนวน 68 ตัวดังกล่าว จึงยังคงเหลือสุกรอีก 170 ตัว ซึ่งเป็นของชาวบ้านอีก 33 ราย เจ้าหน้าที่จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินราคาสัตว์และซากสัตว์เพื่อเข้าดำเนินการกับสุกรทั้งหมดโดยแจ้งให้เกษตรกรทราบว่าการจะได้รับค่าชดเชยหลังมีการกำจัดสุกร โดยกำหนดให้มีการจดทะเบียนการเลี้ยงและสามารถระบุแหล่งที่มาของสุกรอย่างถูกต้อง หากพบว่ามีการลักลอบนําเข้าสุกรโดยไม่มีแหล่งที่มาจะไม่สามารถขอรับค่าชดใช้หลังจากทําลาย จากนั้นจะมีการให้องค์ความรู้กับชาวบ้านและร่วมกันทำความสะอาดคอกต่างๆ ก่อนกำหนดให้มีการประเมินราคาในที่ 3 ต.ค.นี้ต่อไปทั้งนี้ในช่วงที่มีการประกาศดังกล่าวทางด่านกักกันสัตว์เชียงรายได้มีการตั้งด่านเพื่อตรวจสอบการลักลอบหรือการเคลื่อนย้ายสัตว์เข้า-ออกเขตหมู่บาน และแจ้งให้ชาวบ้านในหมู่บ้านและพื้นที่ในรัศมี 1 กิโลเมตร ได้งดเว้นการเลี้ยงสุกรหรือนำสุกรเข้ามาเลี้ยงโดยเด็ดขาด จนกว่าเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์จะประเมินว่าพื้นที่มีความปลอดภัยแล้วเนื่องจากเชื้อ ASF สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมได้นาน ส่วนพื้นที่ในรัศมีตั้งแต่ 1–5 กิโลเมตร ให้เกษตรกรเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มงวดหากพบสุกรป่วยตายผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อย่างเร่งด่วน และพื้นที่อื่นๆ ในเขต อ.เชียงแสน และอำเภอข้างเคียง ให้เฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิด สิ่งสำคัญคือให้ปรับปรุงฟาร์มที่มีระบบความปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคเข้าฟาร์มได้ง่ายนั่นเอง.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ข่าวน่าสนใจ:
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: