เชียงราย-นำธนบัตรปลอมไปซื้อสินค้า เจ้าของร้านเอะใจ รีบแจ้งตำรวจรบตัวคาบ้าน ตรวจยังพบมีธนบัตรปลอมอีก ผู้ต้องหาอ้างศึกษาขั้นตอนจากคลิปวีดีโอใน Youtube
วันที่ 9 เม.ย. 2567 เวลา 17.00 น. โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย พนักงานผู้จับกุม พ.ต.ท.พรต เศรษฐกร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงราย พ.ต.ท.สมชาย พรหมมินทร์ สว.สส.สภ.เมืองเชียงราย ร.ต.อ.ทรงพล คำหอม รอง สว.สส.ฯ พร้อมพวกฯ ได้ร่วมจับกุมตัว น.ส.รัตนา ปัญญาเสน อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 122 ม.3 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย พร้อมด้วยของกลางธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 13 ใบ และใบ 500 บาท จำนวน 4 ใบ
ใบละ 100 บาท จำนวน 2 ใบ พร้อมด้วยของกลาง เสื้อยืดคอกลมสียอมหลากสี จำนวน 1 ผืน เสื้อมัดย้อมหลากสี จำนวน 1 ผืน เสื้อเชิ้ตคอปกแขนสั้นลายต้นมะพร้าว จำนวน 1 ผืน ชุดว่ายน้ำสีดำ จำนวน 1 ผืน ชุดชั้นในซิลิโคนสีครีม จำนวน 1 ชิ้น พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์เครื่องพิมพ์ จำนวน 1 เครื่อง
โดยเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 17.00 น. บริเวณบ้านเลขที่ 122 ม.3 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้ง มีการใช้ธนบัตรปลอมปลอมซื้อของ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรุดไปที่เกิดเหตุ ตรวจกล้องวงจรปิดภายในร้านไอเดียแฟชั่น เลขที่ 102/2 ม.26 ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ที่เกิดเหตุ พบว่าผู้ต้องหาใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน กร 1721 เชียงราย ขับมาก่อเหตุ
ต่อมาทราบชื่อเจ้าของรถชื่อ น.ส.รัตนา ปัญญาเสน อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 122 ม.3 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว พบรถยนต์เก๋งห้อ โตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน กร 1721 เชียงราย กำลังขับเข้ามาในบริเวณบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเข้าแสดงตัวพร้อมกับขอตรวจค้นภายในรถ พบของกลางธนบัตรปลอมซุกอยู่ในรถยนต์ พร้อมได้นำรูปภาพจากกล้องวงจรปิดให้ดู น.ส.รัตนา เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าตนได้เข้าไปก่อเหตุจริง
จากการสอบถามที่มาของ ธนบัตรปลอม น.ส.รัตนา ให้การว่าตนเป็นผู้ทำเองโดยศึกษาขั้นตอนจากคลิปวีดีโอใน Youtube แล้วนำมาทดลองทำเองโดยใช้เครื่องพิมพ์ของที่ทำงาน พิมพ์ธนบัตรออกมา และใช้กรรไกรตัด แล้วใช้เทียนไขถูกระดาษให้เกิดเนื้อสัมผัสเหมือนธนบัตรจริง เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ปลอมเงินตรา ใช้และมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งสิ่งใด ๆ อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอม”
