เชียงราย-แม่ทัพภาค 3 สั่งบูรณาการทุกภาคส่วน ปฏิบัติการล้างบางยาเสพติดทุกรูปแบบ เผยผลงานรอบ 3 เดือน ยึดของกลางเพียบ เพิ่มมาตรการสกัดกั้นต่อเนื่อง เร่งยึดทรัพย์ผู้ร่วมขบวนการ
เวลา 09.30 น. วันนี้ (20 ธ.ค.61) ณ สโมสรค่ายเม็งรายมหาราช อ.เมือง จ.เชียงราย พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 เป็นประธานแถลงข่าว “การบูรณาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ” ต่อคณะสื่อมวลชนจำนวนมาก ที่ติดตามทำข่าวอย่างใกล้ชิด โดยมีนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย,พล.ต. วิชิต วงค์สังข์ ผบ.กกล.ผาเมือง,พล.ต. อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ ผบ.กกล.นเรศวร, พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผบก.ภ. จว.เชียงราย,พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผกก.2 บก.ตำรวจปราบปรามยาเสพติด,ผู้แทน ป.ป.ส.ภาค 5,ป.ป.ส. ภาค 6,ศูนย์ข่าวยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบนโยบายให้หน่วยบูรณาการปฏิบัติงานเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นยาเสพติด ในพื้นที่ภาคเหนือนั้น พล.อ.อภิรัช คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ได้สั่งการเน้นย้ำให้หน่วยดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน
ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้มีการวางแผนกำหนดมาตรการตามนโยบายฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นยาเสพติด ตั้งแต่บริเวณแนวตะเข็บชายแดนถึงพื้นที่ตอนใน โดยได้มีการจัดประชุม Workshop บูรณาการกำลัง ตลอดจนนำเครื่องมือเฝ้าตรวจตามจุดต่างๆ และนำผลสรุปที่ได้มาดำเนินการต่อให้สัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรม
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้บูรณาการส่วนที่เกี่ยวข้องของกองทัพภาคที่ 3 ประชุมแถลงแผนการบูรณะการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ ให้ทุกหน่วยได้ร่วมกันยึดถือและปฏิบัติตามแนวทางที่ได้วางไว้อย่างเคร่งครัด โดยให้เสริมมาตรการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันปฎิบัติภารกิจให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ดำเนินมาตรการเข้มข้นดังกล่าว ถือว่ามีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เห็นผลเป็นรูปธรรม ในห้วงระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม-20 ธันวาคม 2561 สามารถสกัดกั้น จับกุม กลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดและ ตรวจยึดยาเสพติดไว้ได้เป็นจำนวนมาก รวมผลการปฏิบัติ ซึ่งสามารถยึด ยาบ้า ได้จำนวนถึง 113,655,762 ล้านเม็ด,ยาไอซ์ จำนวน 1,493.37 กิโลกรัม และ เฮโรอีน 140.30 กิโลกรัม (คิดเป็นมูลค่าที่จำหน่ายกันในพื้นที่รวมกันประมาณ 1,925 พันล้านบาท)
ทั้งนี้ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วน ได้บูรณาการและผนึกกำลังร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ดำเนินมาตรการสกัดกั้นยาเสพติด เพิ่มมาตรการเข้มงวด มุ่งเน้นการสกัดกั้นในลักษณะการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดทางยุทธวิธี มีการปรับเปลี่ยนตามเวลาและสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามเส้นทางลักษณะภูมิประเทศต่างๆ อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาล และ กองทัพบก ที่กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อลดการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยขอให้ทุกภาคส่วน ในสังคม และประชาชน ร่วมมือแก้ไขปัญหาเพื่อมุ่งไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างยั่งยืน
สำหรับบรรยากาศในการพัฒนาแถลงข่าว ผู้แทนแต่ละหน่วยงาน ได้บรรยายสรุปภารกิจต่างๆ ที่ดำเนินการ สอดคล้องกับการปฏิบัติงานของกองทัพภาคที่ 3 ในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด รวมถึงมาตรการยึดทรัพย์สินกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้อง ในห้วงระยะเวลา 2 เดือนเศษ ที่ผ่านมา สามารถดำเนินการยึดทรัพย์สิน ของกลุ่มขบวนการยาเสพติดไปแล้วกว่า 17 ล้านบาทเศษ อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบอยู่ เป็นมูลค่า ประมาณ 50 ล้านบาท และ พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร แจ้งข่าวด่วนในห้องแถลงข่าวว่า ในเวลานี้ ขณะนี้ ได้มีการบูรณาการกำลังเข้าทำการปิดล้อม ตรวจค้น กลุ่มขบวนการผู้ค้ารายใหญ่ ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งมีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งผู้ค้ารายนี้เป็นเป้าหมายร่วมกันของประเทศไทย และ เมียนมาร์ ซึ่งถือว่าเป็นความร่วมมือระหว่างกัน เป็นนิมิตหมายอันดีของความร่วมมือกันในการปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศไทยและเพื่อนบ้าน อีกด้วย
ข่าวโดย : เพทาย บ้านชี
