เชียงราย-ลาบคนเหนือ ถือได้ว่าเป็นอาหารท้องถิ่น และเป็นอาหารวัฒนธรรมพื้นบ้านทางเหนือ ลาบมีลาบหมู-ลาบเนื้อ ถ้ามีลาบที่ไหนต้องมีผักเคียง ไว้กินกับลาบ ถือว่าเป็นของคู่ ที่ไหนไม่พ้นกัน ลาบกับผักเคียง ที่นิยมทานคู่กับลาบ ที่มีมานาน คือใบสะระแหน่ และหอมจันทร์ คนเหนือเรียกหอมด่วน-ผักไผ่ ซึ่งเวลาบ้านไหนทำลาบ สำรับนั้นต้องมีใบสะระแหน่-หอมจันทร์ ซึ่งทุกบ้านจะมีปลูกไว้ใส่อาหารเฉพาะ โดยเฉพาะร้านขายลาบ ต้องมีผักเคียง 2 ชนิดนี้ ซึ่งปัจจุบันเริ่มเลือนลางจางหายไป ไม่มีในสำรับผักเคียงอีกต่อไป อาจจะมีแต่ก็น้อยลง มีเพียงแต่ร้านลาบโรยบนจานลาบเท่านั้น
วันที่ 3 ก.ค.2567 ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามร้านลาบหนานนวล ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ขายมาเป็นรุ่นที่ 2 ขายมาแล้ว 70 กว่าปี นายศรีวรรณ ทาคำมา เจ้าของร้านรุ่น-2 เผยว่า ปัจจุบันได้นำผักเคียงชนิดอื่นมาเสริฟแทนเนื่องจากหาได้ง่าย มีจำหน่ายในท้องตลาดทุกฤดู มีราคาถูกและเก็บไว้ได้นาน ส่วน สะระแหน่ (หอมด่วน) หอมจันทร์ (ผักไผ่) นั้น เริ่มหายาก และมีราคาค่อนข้างสูง และส่วนสะระแหน่ (หอมด่วน) ไม่ทนต่อสภาพอากาศเก็บไว้ได้ไม่เกิน 2 วัน เน่าใบดำ จึงซื้อมาจำนวนจำกันไว้โรยบนจานลาบเท่านั้นด้านนายอิน วงศ์กา อายุ 79 ปี อาศัยอยู่บ้านเปิน ม.1 ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เกษตรกร ที่ปลูกสะระแหน่ (หอมด่วน)หอมจันทร์ (ผักไผ่) ค่ำวอดมากับการปลูกขายมามากกว่า 10 ปี ได้เผยว่า ซึ่งสมันก่อนจะมีปลูกตามบ้านเรือน ทุกหลังคาเรือนหากินได้ง่าย ต้นเองปลูกทุกฤดูจะสวยงาม ใบสะระแหน่ (หอมด่วน)ใบสวยใหญ่ ส่วนหอมจันทร์ (ผักไผ่) ใบสวยแข็งแรง ทุกเช้าจะเก็บขายให้แม่ค้ามารับทุกเช้านำไปขายตลาด ส่วนใหญ่มี อ.เชียงแสน อ.แม่จัน อ.แม่สาย ที่มารับไปขายอีกทอด โดยตยเองจะมัดรวมคู่กัน สะระแหน่ (หอมด่วน) หอมจันทร์ (ผักไผ่) จะไม่ขายแยกกัน เพราะผักทั้ง 2 ชนิดไปใส่อาหารเหมือนกันซึ่งมาระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมาอาการศเริ่มเปลี่ยนแปลง อากาศร้อนขึ้น ทำให้สะระแหน่ (หอมด่วน) ใบเริ่มหดน้อยลง และหงิกงอ อีกทั้งมีกาน และลากดำ ไม่ทนความร้อน ซึ่งต่างจากสมัยก่อนสามารถปลูกขึ้นสวยทุกฤดู แต่ช่วงนี้ผลผลิตจะออกมาส่วนเพียง 3 เดือนในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น จึงไม่มีคนนิยมปลูกมาเท่าไร หันไปปลูกพืชอื่นทดแทน ซึ่งที่บ้านแม่เปิน ที่ตนเองอยู่เหลืองเพียง 2 เจ้าเท่านั้น ที่ยังคงปลูกไว้ส่งแม่ค้า มารับ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
ข่าวน่าสนใจ:
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: