เชียงราย-เกิดเหตุสลดใจ ลูกสาวทิ้งพ่อป่วยเป็นอัมพฤกษ์ให้แม่มีประวัติทางจิตดูแล กลับมาพบถูกปาดคอหวิดขาด แถมควักลูกตาเสียชีวิตคาที่
เวลา 10.45 น. วันนี้ ร้อยตำรวจเอกเจตจำนง นุกาศ รองสารวัตรสอบสวน พนักงานสอบสวนเวร สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตาย ที่บ้านเลขที่ 185 / 54 หมู่ที่ 4 ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย จึงได้รายงานให้ พันตำรวจเอกสิทธิชัย ไกรแสง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ ทราบ ก่อนประสานไปยังแพทย์นิติเวช ชุดกู้ภัย พร้อมกันรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สองชั้น ตรงห้องหัวมุมทางด้านทิศตะวันออก ติดกับทางเข้าหมู่บ้านอุษาสิริ ถนนศูนย์ราชการ เยี้องกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย สภาพอาคารได้ดัดแปลง และต่อเติมเป็นร้านขายกาแฟชื่อ “มิวสิค คอฟฟี่” บนชั้น 2 ของอาคาร มีการแบ่งซอยเป็นห้องพักอาศัยจำนวน2 ห้อง ที่ห้องเล็กด้านหลังอาคาร พบศพชายสูงอายุ สวมกางเกงขาสั้นสีดำ เสื้อยืดแขนสั้นสีขาวลายดำ ทราบชื่อภายหลังว่านายเปรม มณีรักษ์ อายุ 82 ปี บ้านเลขที่ 117 / 3 ถนนเพชรเกษม ซอย 27 ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในสภาพ ถูกของมีคมบาดลึกที่ลำคอจนหวิดขาด ดวงตาด้านซ้าย มีรอยถูกควักจนหลุดออกมานอกเบ้า นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนเสื่อที่พื้นห้องในที่เกิดเหตุ แพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง และทราบว่า นางนภาพร มณีรัตน์ อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 410 / 24 หมู่ที่ 1 ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ภรรยาผู้ตายซึ่งขณะเดียวกันได้นั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ชั้นล่างของตัวบ้าน เป็นคนลงมือก่อเหตุนางสาวภัทรดา มณีรักษ์ อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 410 / 24 หมู่ที่ 2 ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ตายให้การว่า ต้นได้พาผู้ตายซึ่งเป็นพ่อ กับแม่ มาพักอาศัยอยู่กับเพื่อน ชื่อว่า นางมัลลิกา สุทธวงศ์ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุหลังนี้ เพื่อจะทำธุรกิจอาหารตามสั่งควบคู่กับร้านกาแฟของเพื่อน โดยก่อนเกิดเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 09.39 น.ตนได้เดินทางออกไปทำธุระกับนางมัลลิกา โดยได้ฝากให้แม่ ช่วยดูแลพ่อ ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก ไม่สามารถดูแลตนเองได้ ซึ่งเมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็แทบช็อคพบว่า พ่อถูกปาดคอเสียชีวิตในที่เกิดเหตุแล้ว และผู้ลงมือก่อเหตุก็คือแม่ของตนเองเมื่อสอบสวน นางนภาพร มณีรักษ์ ก็ได้ให้การรับสารภาพว่าตนเองเป็นผู้ก่อเหตุจริง ซึ่งภายหลังจากลูกสาวได้เดินทางออกไปทำธุระกับเพื่อนนอกบ้านแล้ว ตนมีลักษณะอาการร้อนรุ่ม เหมือนมีคนคอยมาสั่งให้ลงมือฆ่าสามี หากไม่ทำตามก็ยิ่งร้อนรุ่มจนทนไม่ไหว ซึ่งตนพยายามสะกดอารมณ์แล้ว แต่ไม่สามารถทำได้ จึงเดินเข้าไปในห้องครัว คว้ามีดบังตอ และมีดทำครัวขนาดเล็ก อีกเล่มหนึ่ง ขึ้นมาหาสามีและใช้มีดเล่มเล็กปาดเข้าที่คอสามีทันที แต่ไม่สามารถให้สามีสิ้นใจได้ทันที จึงใช้มีดบางต่อฟันเข้าที่คอซ้ำอีกครั้ง จนสามีเสียชีวิตคาที่ แต่อาการร้อนรุ่มในใจยังไม่หาย จึงได้ใช้มีดละมือควักลูกตาของสามีออกมากองอยู่ข้างนอก ซึ่งสามารถทำให้จิตใจของตนเองสงบลงได้ หลังจากนั้นจึงลงมานั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ด้านล่าง นางนภาพร ยังได้ให้การต่ออีกว่า ตนเองนั้นมีลักษณะป่วยทางจิต เหมือนมีคนมาคอยสั่งให้ทำ มันเกิดอาการร้อนรุ่มต้องลงมือก่อเหตุฆ่าเท่านั้นถึงจะหาย ซึ่งก่อนหน้านั้น ได้เคยลงมือก่อเหตุฆ่าปาดคอหลานชายที่อำเภอเชียงแสนมาแล้วครั้งหนึ่ง ถูกศาลพิพากษาจำคุกสามปี และเพิ่งพ้นโทษออกมาเพียง 3 ปีครึ่งก็ได้กลับมาก่อเหตุในครั้งนี้อีก ไม่เพียงแต่เท่านั้น นางนภาพร มือฆ่าหั่นคอ ยังยอมรับอีกว่า ก่อนหน้านี้ไม่นานได้ ไปเที่ยวหาพี่สาว ที่อยู่ประเทศลาว และถูกพี่สาวด่าว่าให้ได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจ จึงพยายามก่อเหตุจะฆ่าพี่สาวของตนเอง ขณะอยู่ใน ส.ป.ป.ลาว โดยใช้เก้าอี้ฟาดจนให้สลบเพื่อจะลงมือฆ่าปาดคอ แต่มีผู้มาประสบเหตุและช่วยเหลือได้ทันท่วงทีจึงไม่สามารถก่อเหตุได้สำเร็จ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ควบคุมตัวก่อนตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา พร้อมนำตัวส่งตรวจแพทย์ทางจิตเวช เพื่อตรวจสอบประวัติอาการป่วยทางจิต และดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
ข่าวโดย : เพทาย บ้านชี
ข่าวน่าสนใจ:
- รวบสาวใหญ่ซิ่งมอไซค์ขนยาบ้า 516,000 เม็ด
- ปป.แม่สายทานมูมมามจนลืมตัว เรียกเก็บเงินแบบไม่อาย แต่ต่อรองราคาได้
- ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เชิญส่วนราชการ เอกชน สื่อมวลชน 50 คน เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนกระตุ้นการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจในชุมชน อย่างยั่งยืน
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: