ชาวพิษณุโลกคัดค้านการตัดถนนผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติฯ หรือ สวนเรือนแพ ปอดแห่งใหญ่ของชาวเมือง เตรียมทำแนวถนน ฉ. 1 จากถนนเลี่ยงเมืองมาบรรจบสามแยกเรือนแพ ซึ่งต้องตัดผ่านสวนฯ ขณะที่สมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อนออกแถลงการณ์ต่อต้านพร้อมยื่นหนังสือคัดค้านกับผู้ว่าฯ โยธา นายกเทศมนตรี ด้านโยธาแจง เป็นแนวถนน ฉ. 1 ตามกม.ผังเมืองตั้งแต่ปี 2542 และบังคับใช้ถึงปัจจุบัน กำลังออกแบบแนวถนนใหม่ให้อยู่ด้านริม ให้กระทบกับสวนฯน้อยที่สุด
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 ชาวพิษณุโลกจำนวนหนึ่งกำลังตื่นตัวและออกมาคัดค้านการตัดถนนผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ หรือ สวนเฉลิมพระเกียรติฯ เรือนแพ สวนสาธารณะแห่งใหญ่ใจกลางเมือง บริเวณสามแยกเรือนแพถนนมิตรภาพ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ด้วยขณะนี้ กำลังมีการดำเนินการก่อสร้างแนวถนน ฉ. 1 บริเวณด้านทิศเหนือหรือด้านหลังของสวนฯ มีเครื่องจักรกำลังปรับพื้นที่ทำแนวมาชิดขอบแนวสวนฯ และชาวพิษณุโลกเกรงว่า ในอนาคตต่อไป จะต้องมีการดำเนินการตัดถนนผ่านสวนแห่งนี้ จากด้านหลังมาเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณสามแยกเรือนแพ ด้านหน้าสวน
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 เป็นต้นมา ชาวพิษณุโลกกลุ่มหนึ่งที่มาออกกำลังกายที่สวนเฉลิมพระเกียรติฯเป็นประจำได้ตระหนักและตื่นตัว เริ่มดำเนินการคัดค้าน จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านไลน์ และเฟซบุ๊ก โดยเปิดเพจเรารักสวนสาธารณะ พุทธมลฑล พิษณุโลกขึ้นมา เพื่อเป็นกระบอกเสียงในการคัดค้าน แลกเปลี่ยนข้อมูล นำเสนอข้อมูลการดำเนินการต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงเตรียมล่ารายชื่อประชาชน เพื่อเสนอต่อศาลปกครองพิษณุโลกให้ระงับโครงการตัดถนนผ่านสวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวพิษณุโลกมาออกกำลังกายจำนวนมาก และยังเป็นที่ตั้งพุทธมณฑลจังหวัดพิษณุโลกด้วย
นายสมบัติ แสงจันทร์ แอดมินเพจ เรารักสวนสาธารณะ พุทธมลฑล พิษณุโลก แกนนำคัดค้านการตัดถนนผ่านสวนฯ เปิดเผยว่า พวกเรามาออกกำลังกายที่สวนเฉลิมพระเกียรติฯเป็นประจำ มีประชาชนทุกเพศวัยมาใช้บริการ ซึ่งจะหนาแน่นมาก ๆ ในช่วงเย็น ในช่วงสองเดือนนี้ เริ่มสังเกตเห็นการมาทำแนวเครื่องหมาย พ่นด้วยสเปรย์สีแดง ปักหมุก ปักเสา เห็นแนวการถางป่า ในสวนฯ และพบว่า โครงการก่อสร้างถนนด้านหลังสวน เครื่องจักรก็มาดำเนินการปรับพื้นที่ ทำแนวถนนประชิดถึงสวนแล้ว จึงเริ่มหาข้อมูล เพราะการดำเนินการของภาครัฐ ไม่ได้ชี้แจงให้ประชาชนทราบว่าจะทำอะไร ไม่มีป้ายโครงการบอก และจากการหาข้อมูลพบว่า แนวถนนที่จะตัดนั้น จะต้องตัดผ่านสวนแน่นอน จึงถ่ายภาพ ทำแผนที่กราฟิก จะเห็นแนวถนนตัดผ่านกลางสวนเฉียดที่ตั้งพุทธมณฑล นำเสนอให้คนรับรู้ข้อมูล เพราะเราถามใครก็ไม่มีใครรู้เลย ไม่มีการแจ้งประชาชน ไม่มีการประชาพิจารณ์
นายสมบัติ เผยต่อว่า เมืองที่เจริญควรจะเพิ่มพื้นที่ปอด ไม่มีเมืองไหนหรอกจะลดพื้นที่สาธารณะ เราจึงรวมกุล่ม และคัดค้าน กระจายข่าวสาร ไม่อยากให้มีการตัดถนนผ่านตรงนี้ จะไปตัดตรงไหนก็ได้ ตรงนี้เป็นที่ออกกำลังกายสร้างสุขภาพของคน ซึ่งน่าจะมีแนวอื่นที่ถนนจะออกได้ ชุมชนเมืองควรจะได้รับรู้ ภารกิจภาครัฐต้องสนับสนุนสุขภาพให้ประชาชน เราคัดค้านการมาตัดถนนผ่านสวน หลังจากทำเพจแล้ว ก็จะเริ่มทำสติกเกอร์รณรงค์คัดค้าน หลังจากนั้นถ้าหยุดยั้งไม่ได้ คงต้องพึ่งกฎหมาย อาจจะต้องรวมตัวกันไปฟ้องศาลปกครอง เพราะเป็นข้อขัดแย้งระหว่างภาครัฐกับประชาชน 
ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตนเป็นคนพิษณุโลก และกลับมาบ้านบ่อยก็มีชาวพิษณุโลกมาเล่าให้ฟังถึงการเตรียมการตัดถนนผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ และพบว่ามีการเตรียมการสำรวจทำแนวภายในสวนฯ จึงทำหนังสือคัดค้านโครงการก่อสร้างถนนผ่าสวนพุทธมณฑล ( สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ) ถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก และ นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก เมื่อ 13 ตุลาคม 2561 พร้อมออกแถลงการณ์ของสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 ถ้าไม่มีการทบทวน ก็คงต้องพึ่งศาลปกครอง
นายนรินทร์ กวางทอง โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ได้รับทราบข้อกังวลของชาวพิษณุโลก ที่เป็นห่วงการตัดถนนผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติฯแห่งนี้ เมื่อวานตนก็ลงสำรวจพื้นที่เพื่อหาแนวทางให้กระทบกับสวนฯให้น้อยที่สุด สำหรับถนนสายดังกล่าว คือถนน ฉ. 1 เป็นถนนตามผังเมืองรวมจังหวัดพิษณโลก ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่พ.ศ.2542 และในผังเมืองรวมพิษณุโลกปี 2553 ก็ยังคงยึดตามแนวที่ประกาศใช้อยู่ เป็นถนนที่ตัดเชื่อมระหว่าง ถนนเลี่ยงเมืองพิษณุโลกด้านทิศเหนือ มาบรรจบกับถนนมิตรภาพ หรือ ทางหลวงหมายเลข 12 ที่สามแยกเรือนแพ ระยะความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งตามแนวถนนจะตัดตรง ผ่านสวนฯบริเวณด้านทิศตะวันตก และที่ผ่านมา ประชาชนชาวพิษณุโลกจำนวนหนึ่งก็กังวลว่าจะตัดถนนตามแนวนี้
ประกอบกับขณะนี้ ประชาชนจะเห็นการก่อสร้างถนน ฉ. 1 บริเวณทุ่งนา ด้านทิศเหนือของสวนฯ เป็นการก่อสร้างถนนตามโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณหนองตาเหี่ยม ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก ขณะนี้ได้ทำแนวฐานถนนความกว้าง 30 เมตร ความยาวประมาณ 3 กิโลเมตรแล้ว ในปีงบประมาณ 2563 จะของบประมาณสำหรับทำผิวถนน พร้อมกับทำถนนเพิ่มเพื่อไปเชื่อมกับถนนเลี่ยงเมืองด้านทิศเหนือ ส่วนแนวถนนที่มาจ่อถึงทิศเหนือของสวนเฉลิมพระเกียรติฯนั้น ตามแนวเดิมจะตัดตรงผ่านสระน้ำมาบรรจบกับถนนมิตรภาพบริเวณสามแยกเรือนแพ ซึ่งจะกระทบกับสวนมาก จึงมีการออกแบบใหม่ จะใช้แนวถนนเดิมคือถนนพระองค์ขาว ที่เชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 12 หรือ ถนนมิตรภาพ และจะตัดเข้าสวนฯบริเวณโค้งหักศอก เข้ามาบริเวณที่ทำการดับเพลิง และจะทำแนวถนนให้อยู่ด้านขอบสวนฯด้านทิศตะวันตกที่ปัจจุบันเป็นทางวิ่ง ทางจักรยาน ไปบรรจบกับถนนที่ตัดมาถึงด้านทิศเหนือของสวน และจะลดความกว้างของถนน ให้ไม่เกิน 18 เมตร น้อยกว่าแนวถนน ฉ. 1 ที่กำลังก่อสร้างอยู่ที่ความกว้าง 30 เมตร ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการขอใช้ที่จากเทศบาลนครพิษณุโลกแล้ว และมีหนังสือตอบรับจากเทศบาลนครพิษณุโลกอนุญาตให้ใช้ที่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบและจะเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน พร้อมกับเตรียมเสนอของบประมาณจากกลุ่มจังหวัดในเดือนธันวาคมนี้ หากได้งบจะดำเนินการก่อสร้างในปีงบประมาณปี 2563
สำหรับสวนเฉลิมพระเกียรติฯเรือนแพนั้น ในอดีตที่ผ่านมาเทศบาลนครพิษณุโลกประสบปัญหาขาดแคลนพื้นที่สีเขียวอย่างมาก โดยในปี 2542 ได้ดำเนินการก่อสร้างสวนชมน่านเฉลิมพระเกียรติ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เทศบาลนครพิษณุโลกจึงดำเนินการจัดหาพื้นที่เพื่อเพิ่มปริมาณพื้นที่สีเขียวของเมืองให้มากขึ้น โดยขอใช้พื้นที่ราชพัสดุ ทัณฑสถานเปิดอรัญญิก กรมราชทัณฑ์ ตำบลอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 150 ไร่ สำหรับก่อสร้างสวนสาธารณะ โดยเริ่มทำการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2549 ประชาชนได้มาใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายและจัดกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ กันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา เทศบาลนครพิษณุโลก ได้จัดพิธีเปิดสวนเฉลิมพระเกียรติ ฯ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2556 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ผู้บริหาร พนักงานเทศบาล หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน
77 FB Live คัดค้านตัดถนนผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติฯ(เรือนแพ) กับศรีสุวรรณ จรรยา
…………………………………………………………………………………………………………………
