พิษณุโลก ผู้ว่าราชการ จ.พิษณุโลก สั่งยุติโครงการสร้างถนนเลาะรั้วสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ยังมีผู้ไม่เห็นด้วย พร้อมรับฟังความคิดเห็นคนพิษณุโลก ขณะที่นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและชาวพิษณุโลกที่คัดค้านนัดรวมพลฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลกในวันที่ 12 มีนาคม 2562
วันที่ 10 มี.ค.2562 ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย พ.อ.นพดล รอดกลาง รองผอ.กอ.รมน.จังหวัด พ.ล. และนายนรินทร์ กวางทอง โยธาธิการและผังเมือง จ.พิษณุโลก . ได้ชี้แจ้งทำความเข้าใจ กรณีการสร้างถนนสาย ฉ.1 ตัดผ่านภายในสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา หรือ สวนเฉลิมพระเกียรติฯเรือนแพ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่ายังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด และได้สั่งยุติโครงการเฉพาะถนนที่จะสร้าง เลาะรั้วสวนเฉลิมพระเกียรติฯออกไป หากจะดำเนินการก่อสร้างจะต้องได้รับการสนับสนุนเห็นชอบจากพี่น้องชาวพิษณุโลก เสียก่อน แต่ที่ผ่านมายังมีเสียงคัดค้าน
การพัฒนาถนนสาย ฉ 1 เพื่อไปเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 12 ที่บริเวณสามแยกเรือนแพ อ.เมืองพิษณุโลก นั้น แนวถนนเดิมตามกฎหมายผังเมืองรวม จ.พิษณุโลก จะตัดผ่านจากด้านหลังสวนเฉลิมพระเกียรติฯไปบรรจบที่สามแยกเรือนแพ ทางหลวงหมายเลข 12 ซึ่งถ้ายึดตามแนวถนนเดิม สวนฯจะได้รับผลกระทบมาก โยธาธิการและผังเมืองจ.พิษณุโลก จึงได้ออกแบบแนวถนนใหม่ เพื่อลดผลกระทบกับสวนฯ โดยจะเป็นถนนที่มีความกว้างเล็กลง และตัดในแนวขอบที่ดินของสวนเฉลิมพระเกียรติฯซึ่งชาวพิษณุโลก ไม่เห็นด้วยเพราะจะทำให้พื้นที่สวนฯซึ่งเป็นปอดเมืองคนพิษณุโลกถูกเฉือนหายไป
ขณะที่กลุ่มคัดค้านการตัดถนนผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติฯเรือนแพนั้น ได้ดำเนินการคัดค้านมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 แม้ว่าโยธาธิการและผังเมืองจะออกแบบแนวถนนใหม่ มาเป็นแนวถนนที่เลาะรั้ว ไม่ผ่าตัดกลางสวนฯตามแนวถนนเดิม มีการติดป้ายชี้แจงการคัดค้านไว้ภายในสวนฯ ที่ชาวพิษณุโลกมาออกกำลังกายกันจำนวนมาก และวันที่ 12 มีนาคม 2562 นี้ ได้นัดรวมตัวกัน เพื่อไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก โดยมีนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จะเป็นผู้นำในการฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลกเพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกยกเลิกโครงการตัดถนนผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติฯ
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนได้โพสต์บนเฟซบุ๊คว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่ผู้ว่าฯพิษณุโลก ได้ใช้อำนาจผนวกเอาสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร. 9 บริเวณสามแยกเรือนแพ นำไปเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่หนองตาเหี่ยน ทั้งๆที่สวนสาธารณะดังกล่าวชาวพิษณุโลกได้ช่วยกันพัฒนาและใช้ประโยชน์ในการออกกำลังกาย และจัดกิจกรรมสันทนาการ ร่วมกับเทศบาลนครพิษณุโลกมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปีแล้ว
การใช้อำนาจดังกล่าวเป็นการใช้กลไกทางกฎหมายที่เป็นกลเล่ห์ของผู้ว่าฯ ร่วมกับโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด โดยการเอื้อประโยชน์ของเทศบาลนครพิษณุโลกและเทศบาลเมืองอรัญญิก ในความพยายามฮุบที่ดินของสวน ร.9 มาทำถนนเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับโครงการจัดรูปที่ดินในที่ดินตาบอด ที่มีกลุ่มทุนไปกว๊านซื้อมาเตรียมการไว้แล้ว รวมทั้งเอื้อโรงแรมของนายทุนใหญ่ใกล้สวนสาธารณะดังกล่าว โดยไม่มีการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังเสียงของประชาชนเสียก่อนตามที่กฎหมายกำหนด สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ หรือสวน ร.9 เป็นสัญลักษณ์ที่คนพิษณุโลกช่วยกันสร้างและทะนุบำรุงรักษาเพื่อน้อมถวายในหลวง ร.9 เมื่อครั้งครบพระชนม์อายุ 80 พรรษา แต่ทว่าผู้ว่าฯ โยธาธิการฯจังหวัดและเทศบาลกลับมาใช้อำนาจโดยพละการตัดถนนผ่าสวนดังกล่าว ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตาม ป.อ.112 ด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจึงได้ร่วมมือกับชาวพิษณุโลก เพื่อเดินทางไปยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก ถ.พิษณุโลก-นครสวรรค์ ต.ท่าทอง อ.เมืองพิษณุโลก ในวันอังคารที่ 12 มีนาคม 2562 เวลา 10.00 น. เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ระงับการก่อสร้างถนนดังกล่าว และเพิกถอนการใช้อำนาจของผู้ว่าฯต่อไป และหลังจากนี้จะไปร้อง ป.ป.ช.เอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไปด้วย นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด
ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับนายศรีสุวรรณ จรรยา ในกรณีที่ผวจ.พิษณุโลกลงพื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติฯ และ ประกาศสั่งยุติโครงการตัดถนนที่ออกแบบใหม่เลาะรั้วสวนว่ายังคงจะดำเนินการฟ้องศาลปกครองหรือไม่ นายศรีสุวรรณ ตอบว่า ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้ผู้คัดค้านก็พยายามคัดค้านกันมาแล้วอย่างต่อเนื่อง การจะยุติโครงการได้ จะต้องฟ้องผวจ.พิษณุโลก ให้เพิกถอนประกาศโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการหนองตาเหี่ยม ที่ผนวกพื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติฯเข้าไปด้วย และจะฟ้องเทศบาลนครพิษณุโลก โยธาธิการและผังเมืองพิษณุโลก ที่เทศบาลนครพิษณุโลก อนุมัติให้โยธาธิการและผังเมืองอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในสวนเฉลิมพระเกียรติฯเพื่อมาตัดถนน
…………………………………………………………………………………….
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: