ช่วงเช้ามืดเกิดไฟไหม้บ้านไม้ริมน้ำวอด 4 หลัง 2 พ่อลูกวัยชราถูกไฟคลอกบาดเจ็บสาหัสสำลักควันอีก 1 ขณะที่ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ยืนสาเหตุเร่งตรวจสอบ
เมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 10 เม.ย.63 พ.ต.ท.นิวัฒน์ หิรัญธัญพงศ์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง อบต.บางตะไนย์ และรถดับเพลิงเทศบาลนครปากเกร็ด พร้อมอาสาสมัครถมูลนิธิร่วมกตัญญู เร่งเข้าตรวจสอบหลังจากได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาและมีผู้บาดเจ็บ เหตุเกิดในซอยบางตะไนย์ซอยตาล 4 หมู่ 1 ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จึงรุดเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านไม้ยกพื้นสูงที่ปลูกติดกันหลายหลังขณะเกิดเหตุมีกระแสลมแรงทำให้เพลิงลุกไหม้และลุกลามอย่างรวดเร็วโดยทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งใช้น้ำฉีดสกัดเพลิงเพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ หลังเพลิงสงบตรวจสอบพบว่าต้นเพลิงเกิดจากบ้านเลขที่ 59 และทำให้ไฟได้ลุกไหม้บ้านที่ปลูกติดกันเสียหาย 100% จำนวน 3 หลังส่วนอีก 1 หลังเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้เสียหายบริเวณชั้น 2 เป็นบางส่วนรวมทั้งสิ้น 4 หลัง ขณะเดียวกันที่เกิดเหตุทำให้มีผู้บาดเจ็บถูกไฟคลอกตามร่างกาย 2 รายทราบชื่อคือ น.ส.ประชิด พิกุลทอง อายุประมาณ 65 ปีและนายอี๋ พิกุลทอง อายุประมาณ 95 ปีทั้ง 2 คนเป็นพ่อ-ลูกกันและยังมีชายอีก 1 รายสำลักควัน ทางเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือนำตัวส่ง ร.พ.ชลประทานปากเกร็ด
นายสุวรรณ เกิดผล อายุ 70 ปีเจ้าของบ้านเลขที่ 57/2 ซึ่งบ้านได้ถูกไฟไหม้ไปด้วยเปิดเผยว่าขณะเกิดเหตุนอนหลับกันอยู่ภายในบ้านจนกระทั่งมารับรู้ว่าไฟกำลังลุกไหม้บ้านของ น.ส.ประชิด ที่อยู่ติดกันหลังจากนั้นตนเองและคนในชุมชนได้เร่งช่วยเหลือ 2 พ่อ-ลูกออกมาจากตัวบ้านได้แต่พบว่าตามร่างกายมีแผลถูกไฟคลอกไปทั้งตัวหลังจากนั้นก็ช่วยกันพยายามใช้น้ำดับไฟแต่ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากมีกระแสลมแรงทำให้ไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเหตุไฟไหม้ในครั้งนี้
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าเบื้องต้นได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุพร้อมกับสอบปากคำผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของบ้านแต่ละหลังไว้ ในส่วนของสาเหตุยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากสาเหตุใดจะต้องทำการสอบปากคำและพยานแวดล้อมรวมถึงจะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
