แม่ร้องทนายรณณรงค์ลูกสาววัย 12 ปีนักเรียนชั้น ม.1 ถูกครูสอนดนตรีเป็นลูกชายนายตำรวจข่มขืน อีกทั้งบังคับเสพยาบ้า เข้าแจ้งความแต่ตำรวจแจ้งเพียงข้อหาพรากผู้เยาว์กับอนาจารเท่านั้น
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 พ.ค. 63 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นางสวย ขอสงวนนามสกุล เดินทางจากจังหวัดชุมพร เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์แก้วเพ็ชร์ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยติดตามคดีที่บุตรสาวตนเองถูกครูสอนดนตรีแห่งหนึ่งในอำเภอปะทิว จ.ชุมพร ล่อลวงจากโรงเรียนขึ้นรถตู้ไปข่มขืนกระทำชำเราในรีสอร์ตและบังคับให้เสพยาบ้า แต่ตำรวจกับแจ้งเพียงข้อหาพรากผู้เยาว์กับอนาจาร
นางสวย กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ก.พ.63 นายญาณพล (สงวนนามสกุล)อายุ 32 ปี ครูสอนวิชาดนตรีโรเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอปะทิว จ.ชุมพร และเป็นบุตรชายนายตำรวจยศ ร.ต.อ. ในจังหวัดสงขลา ได้ออกอุบายล่อลวงให้เด็กหญิงเจน อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ซึ่งเป็นลูกศิษย์พาขึ้นรถตู้ไปยังรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ก่อนจะบังคับให้เสพยาบ้าและใช้กำลังข่มขืนจนสำเร็จความใคร่
หลังเกิดเหตุตนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยแพทย์ยืนยันว่าบุตรสาวมีร่องรอยถูกข่มขืน ช่องคลอดมีรอยฉีกขาด ทางตนยืนยันเอาเรื่องครูคนนี้ถึงที่สุด ต่อมาทางนายตำรวจซึ่งเป็นบิดาของครูคนนี้มาเจรจาเสนอเงิน 300,000 บาท เพื่อให้เรื่องจบ แต่ตนปฏิเสธเพราะทราบว่าครูคนนี้มีพฤติกรรมกับนักเรียนหญิงคนอื่นๆอีกหลายคน แต่ทุกคนกลัวและไม่กล้าพูดความจริง ซึ่งคดีนี้ตนเองแปลกใจมากว่าทำไมตำรวจจึงแจ้งเพียงข้อหาอนาจาร กับ พรากผู้เยาว์ ทั้งๆที่บุตรสาวถูกล่วงละเมิดทางเพศ แพทย์เองก็ยืนยันกับตน ที่ซ้ำร้ายนายตำรวจซึ่งบิดาของครูสอนดนตรีที่ก่อเหตุรายนี้ยังเที่ยวพูดว่าจ่ายเงินให้กับตนแล้วจำนวน 500,000 บาท ตนขอยืนยันว่าไม่เคยได้แม้แต่บาทเดียว และจะไม่ขอรับเงินจากฝ่ายเขา ขอให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา อยากให้ลูกสาวเป็นรายสุดท้ายไม่อยากให้ไปก่อเหตุกับลูกสาวใครอีก
ทางด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่าคดีนี้ตนเองจะตรวจสอบหลักฐานและติดตามดูสำนวนจากทางตำรวจและอัยการเพื่อช่วยเหลือนางสวย เพราะจริงๆแล้วตำรวจต้องแจ้งข้อหาข่มขืนและเสพยาด้วย ซึ่งอัตราโทษจะสูงกว่ามาก เบื้องต้นทราบเพียงว่าตำรวจสั่งฟ้องเพียงสองข้อหาแรก ยืนยันจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวนางสวยอย่างแน่นอน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: