รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อขับเฉี่ยวรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง 2 สามี-ภรรยาสามีดับภรรยาเจ็บ ขณะที่ทางด้านโชเฟอร์รถบรรทุกเผยมองไม่เห็นจักรยานยนต์พ่วงข้างจริงๆ
เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 28 ธ.ค.63 ร.ต.อ.บุชิต ทิมา รอง สว.สอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กู้ชีพบัวเพชร นนทบุรี เดินทางเข้าตรวจสอบหลังจากได้รับแจ้งมีรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อเฉี่ยวชนกับรถจยย.พ่วงข้างมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดถนนแจ้งวัฒนะขาออกหน้าปากซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 18/1 ต.ปากเกร็ดอ.ปากเกร็ด จากนั้นจึงประสานแพทย์เวรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์รุดเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบร่างของนายนพรัตน์ จำปา อายุ 25 ปีนอนเสียชีวิตอยู่กลางถนนใกล้กันพบรถ จยย.แบบพ่วงข้าง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง-ดำ ทะเบียน อปฉ 617 กทม จอดอยู่ ส่วนคู่กรณีเป็นรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อทะเบียนส่วนหัว 66-0145 กทม ส่วนพ่วงท้าย ทะเบียน 65-2122 กทม จอดอยู่โดยมีนายชาญชัย สารโพคา อายุ 48 ปีคนขับยืนรอให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันเหตุการณ์นี้ยังมีน.ส.อารียา ยีมะเฟือง อายุ 27 ปีภรรยาของผู้เสียชีวิตที่นั่งมากับรถ จยย.พ่วงข้างด้วยได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยโดยให้การว่าตนเองทั้ง 2 มีอาชีพรับเหมาก่อสร้างก่อนเกิดเหตุเพิ่งออกจากที่ทำงานด้านถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด และกำลังขับขี่รถ จยย.กลับบ้านย่าน อ.บางบัวทอง ก่อนถึงที่เกิดเหตุตนเองกับสามีขับขี่มาในช่องทางขวาเพื่อจะขึ้นสะพานพระราม 4 แต่จู่ๆรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อมาด้วยความเร็วเฉี่ยวชนตนเองกับสามี ทำให้รถเกิดหมุนและพลิกคว่ำดังกล่าว
ดาบตำรวจอัศวนนท์ อรรควัฒน์เดโช สังกัด กองกำกับการสนับสนุนกองบังคับการปราบปราม ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่าในขณะที่ขับรถมาตามเส้นทางถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถบรรทุกพ่วงค่อนข้างขับด้วยความเร็วแซงรถตนเองไปโดยเปลี่ยนเลนจากเลนกลางมาเลนขวาเพื่อจะขึ้นสะพานพระราม 4 แต่ช่วงล้อเกิดไปเบียดและเฉี่ยวกับรถ จยย.พ่วงข้างของ 2 สามี-ภรรยาที่ขับขี่อยู่เลนขวาสุดเพื่อที่มุ่งหน้าขึ้นสะพานพระราม 4 เช่นกันจึงเป็นเหตุให้รถจยย.พ่วงข้างพลิกคว่ำตัวคนขับขี่กระเด็นเข้าไปใต้ท้องรถพ่วงดังกล่าว ส่วนทางด้านนายชาญชัย คนขับรถบรรทุกพ่วงให้การเพียงว่าในขณะที่เปลี่ยนเลนมองไม่เห็นรถ จยย.พ่วงข้างแต่มารู้อีกครั้งตอนที่รู้สึกว่าเฉี่ยวชนแล้ว
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าเบื้องต้นได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุพร้อมกับสอบปากคำคนขับรถบรรทุกพ่วงรวมถึงข้อมูลจากดาบตำรวจอัศวนนท์ ไว้โดยคนขับรถบรรทุกอ้างว่ามองไม่เห็นรถ จยย.พ่วงข้างคันดังกล่าวจึงเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกันขึ้น แต่อย่างไรก็ตามจะต้องทำการสอบปากคำคนขับรถบรรทุกเพิ่มเติม รวมถึงจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในระแวกใกล้เคียงอีกครั้ง ส่วนผู้เสียชีวิตได้มอบให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติรังสิตเพื่อชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง ต่อไป
