ลูกร้องสื่อพาพ่อหมดสติพาไปโรงพยาบาลแต่กับพบพยาบาลคล้ายเพิ่งตื่นออกมาช่วยเหลือสุดท้ายพ่อเสียชีวิต ขณะที่ทางด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
วันที่ 22 ก.พ.64 นายพคพงษ์ พันธ์วิไล อายุ 23 ปี บุตรชายของนายสมาน พันธ์วิไล อายุ 58 ปีที่เสียชีวิตลงที่ร.พ.บางบัวทอง 2 ได้เข้าร้องผู้สื่อข่าวหลังจากก่อนหน้าได้นำคุณพ่อที่มีอาการหมดสติไปที่ ร.พ.ช่วงกลางดึกแล้วทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้งไม่มีหมออีกทั่งทีมพยาบาลไม่มีความกระตือรือร้นในการรักษาทำให้คุณพ่อต้องเสียชีวิตลง
ข่าวน่าสนใจ:
บรรยากาศที่วัดเต็มรักศาลา 2 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี บรรดาบุตรและญาติได้นำศพของนายสมาน พันธ์วิไล มาตั้งบำเพ็ญกุศลโดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
นายพคพงษ์ บุตรชายกล่าวว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 05.00 น.ของวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา คุณพ่อมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ค่อยออกพ่อเองเข้าใจว่าเป็นอาการกรดไหลย้อนจึงได้ให้น้าชายไปซื้อ อีโน หลังจากคุณพ่อได้กินไปแล้วเกิดมีอาการอาเจียนออกมาก่อนที่จะหมดสติ จึงรีบพาคุณพ่อขึ้นรถไปที่ ร.พ.บางบัวทอง 2 ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีเนื่องจากเป็น ร.พ.ที่ใกล้บ้านที่สุด หลังจากพาคุณพ่อถึง ร.พ.แล้วด้วยความเข้าใจคิดว่าพอถึง ร.พ.แล้วจะมีเจ้าหน้าที่พยาบาล หรือยามนำเปลมาเข็นคุณพ่อผมที่หมดสติอยู่ แต่เมื่อไปถึงยามบอกว่าที่นี้ไม่มีหมออีกทั่งการทำงานการช่วยเหลือช้ากว่าจะนำเปลมาให้ซึ่งในขณะนั้นตนเองยังทำหน้าที่ปั๊มหัวใจคุณพ่อผมเองเป็นเวลาประมาณ10 นาทีก่อนที่จะมีบุรุษพยาบาล 2 คนเดินมาในสภาพไม่พร้อมทำงานเหมือนกับเพิ่งตื่นเดินมาพร้อมกับถามอาการจากนั้นทางบุรุษพยาบาลได้จับชีพจรก่อนที่จะเริ่มปั๊มหัวใจพร้อมกับนำตัวคุณพ่อเข้าห้องฉุกเฉิน
ซึ่งขณะนั้นพบเห็นว่าห้องฉุกเฉินไม่มีใครอยู่แม้แต่ไฟก็ยังไม่เปิด อีกทั่งขณะนั้นตนเองยังมองเห็นภายในห้องฉุกเฉินซึ่งจะมองเห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ โดยเห็นว่าเจ้าหน้าที่มีการปั๊มหัวใจคุณพ่ออยู่ แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะมีอุปกรณ์อะไรที่ช่วยกระตุ้นหัวใจคุณพ่อหรือช่วยพ่อผมมากกว่านี้มีเพียงทำการปั๊มหัวใจเท่านั้นโดยไม่มีอุปกรณ์อะไรที่จะกระตุ้นหัวใจให้พ่อผมมีชีวิตกลับมาได้ โดยมีการช่วยเหลือคุณพ่ออยู่ภายในห้องฉุกเฉินประมาณ 30 นาทีก่อนที่เจ้าหน้าที่จะออกมาบอกว่าคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว น่าจะเป็นโรคหัวใจซึ่งที่จริงแล้วคุณพ่อป่วยเป็นโรคเบาหวานและความดันและก็มีประวัติรักษาอยู่ที่ ร.พ.บางบัวทอง 2 แห่งนี้ ซึ่งตนเองมั่นใจว่าถ้าอุปกรณ์ทางการแพทย์และบุคลากรพร้อมกว่านี้น่าจะช่วยชีวิตคุณพ่อผมได้ และเหตุการณ์นี้ผมอยากจะถามว่าถ้าเป็นญาติคุณคุณจะเลือกปฎิบัติงานเหมือนทำกับพ่อผมไหมครับ และฝากเหตุการณ์นี้เป็นที่เตือนใจรวมถึงผู้บริหารหรือผู้อำนวยการช่วยลงมาตรวจสอบบุคลากรของพวกท่านหน่อยให้นำบุคลากรที่มีความพร้อมเข้ามาปฎิบัติงานเถอะครับ
ขณะเดียวกันนางจีราพรรณ พันธ์วิไล อายุ 33 ปีบุตรสาวคนโตของผู้เสียชีวิตให้สัมภาษณ์ว่าอยากให้เคสของคุณพ่อเป็นอุทาหรณ์ อยากให้ทาง ผอ.ร.พ.บางบัวทอง 2 ดูลูกน้องของท่านด้วยว่าทำงานเต็มที่หรือพร้อมที่จะช่วยคนไข้แล้วหรือยัง เราเป็นประชาชนเราเองก็เลือกที่จะไปร.พ.ที่อยู่ใกล้ที่สุดแต่ในเมื่อไปแล้วไม่มีบุคลากรรอที่จะพร้อมช่วยเราจะไปทำไม มันใช่ ร.พ.หรือเปล่า อยากให้เป็นอุทาหรณ์ “นี้หรือโรงพยาบาล”
ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นพ.กวิตม์ ซื่อมั่น ผอ.โรงพยาบาลบางบัวทอง 2 ที่โรงพยาบาล โดยทางผอ.กล่าวว่าหลังจากทราบข่าวจากทางผู้สื่อข่าวที่เข้ามาสอบถามเบื้องต้น จึงได้ทำการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในช่วงเวลาดังกล่าวทราบว่าญาติได้นำคนไข้เข้ามาและทำการกู้ชีพไม่สำเร็จและเสียชีวิตส่วนที่มีประเด็นในเรื่องที่ติดใจจะขอทำการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป และในส่วนที่ญาติแจ้งว่าทาง ร.พ.ไม่มีหมอนั้นไม่เป็นความจริง และจากการตรวจสอบแล้วพบว่าเมื่อมีผู้ป่วยต้องกู้ชีพทางเจ้าหน้าที่พยาบาลห้องฉุกเฉินก็ตามแพทย์ ซึ่งตรวจสอบวันเวลาดังกล่าวแพทย์ก็ลงมาดูแลในการกู้ชีพด้วยตนเอง นพ.กวิตม์ ยังกล่าวต่ออีกว่าโดยปกติหลังเวลาราชการก็จะมีแพทย์ประจำ ร.พ.อยู่แล้วเพื่อรองรับอุบัติเหตุฉุกเฉิน ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายนี้ตนเองทราบว่าผู้ป่วยมาถึง ร.พ.ไม่มีชีพจรแล้วทางพยาบาลจึงได้เริ่มทำการกู้ชีพพร้อมกับเรียกแพทย์มาดู แต่อย่างไรก็ตามจะขอตรวจสอบข้อเท็จจริงและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดรวมถึงจะเข้าไปพูดคุยกับทางญาติต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: