เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังจากชาวบ้านถ่ายคลิปสาววัยรุ่นไม่สวมแมสก์ยืนด่าสลับนอนกลิ้งกลางถนนหวั่นแพร่เชื้อโควิด
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 12 พ.ค.2564 นายสุเทพ อู่อัน สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ดร.จำลอง ช่วยรอดคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธีระ โรจนประดิษฐ์ ปลัดอำเภอไทรน้อย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณีชาวบ้านถ่ายคลิปหญิงสาววัยรุ่นรายหนึ่ง อายุประมาณ 16-17 ปี นอนอยู่กลางถนนโดยไม่สวมใส่แมสก์พร้อมกับตะโกนด่าชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาบริเวนหน้าตลาดนัดวัดราษฎร์นิยม หมู่ 3 ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี จนสร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านในบริเวนดังกล่าวเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้
จากการสอบถามนางสมจิตร เจริญทรัพย์ยานันท์ เจ้าของตลาดกล่าวว่า หญิงสาววัยรุ่นคนดังกล่าวชอบมาเดินที่ตลาดนัดเป็นประจำ โดยไม่ยอมสวมใสแมสก์ เมื่อเห็นคนเดินผ่านไปมาก็จะเขาไปขอเงิน ถ้าใครไม่ให้ก็จะถ่มน้ำลายใส่ พร้อมตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย บางวันก็พกมีดติดตัวมาด้วย ถ้าใครไม่ให้เงินก็จะใช้มีดไล่แทง จนสร้างเอือมระอา และความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก จนกระทั่งมีคนถ่ายคลิปพฤติกรรมของหญิงวัยรุ่นรายนี้ส่งไปร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาทำอะไรเลย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าหญิงสาวคนดังกล่าวคือ น.ส.จูน (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 16 ปี พักอาศัยอยู่ที่ ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี โดยอาศัยอยู่กับยาย คือนางสมร ศรีธรรม อายุ 62 ปี ส่วนพ่อกับแม่ของ น.ส.จูน ได้เลิกลา หย่าร้างกันไปนานแล้วทิ้งไว้ให้ยายเลี้ยงเพียงลำพัง
จากการพูดคุยกับ น.ส.จูน พบว่ามีอาการปกติดี พูดจารู้เรื่องส่วนสาเหตุที่ทำลงไปตามคลิปนั้นเพราะต้องการทำประชดสังคม เนื่องจากขาดความอบอุ่นไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดูเหมือนกับคนอื่น ประกอบกับเด็กมีโรคประจำตัวคือเป็นโรคลมชัก แต่ไม่มีเงินไปรักษาเนื่องจากฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่พาตัวไปรักษา
ทางด้าน ดร.จำลอง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวว่า หลังจากที่ชาวบ้านส่งคลิปดังกล่าวมาให้ ตนจึงได้ลงพื้นที่พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เขามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจนทราบว่าเด็กหญิงวัยรุ่นคนดังกล่าวอายุเพียง 16 ปี เรียนจบชั้นป.4 เนื่องจากมีโรคประจำตัว ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปแบบนั้นเพราะมีปัญหาทางครอบครัว จึงแสดงพฤติกรรมดังกล่าวออกมา เบื้องต้น น.ส.จูน รับปากว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกและอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือเรื่องการรักษาตัว เพราะอยากกลับไปเรียนหนังสืออีกครั้ง โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเข้ามาคอยให้การช่วยเหลือ และจะพาน้องไปตรวจร่างกายที่ รพ.เพื่อรักษาอาการป่วย ต่อไป
