พศ.นนท์ บุกจับพระปลอมย่านเมืองนนท์แขวนบัตรนักข่าว พบประวัติมีคดี 3 พื้นที่ อ้างเป็นทั้งพระทั้งนักข่าว
จากกรณีชาวบ้านได้ส่งคลิปวิดีโอร้องเรียนไปทางเพจกล้าที่จะกล้าว ว่ามีพระสงฆ์มายืนบิณฑบาตรที่หน้าตลาดประชานิเวศน์ 3 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี โดยมีพฤติกรรมนำอาหารที่ชาวบ้านใส่บาตรอกลับมาเวียนขาย นอกจากนี้ยังนืนปักหลักไม่ออกเดินรับบาตร ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพระปลอม นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าวพร้อมทีมงานจึงได้ติดตามดูพฤติกรรมพระดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 ก.พ.67 จนทราบว่าพระรูปนี้เคยถูกจับสึกและดำเนินคดีมาแล้ว
ข่าวน่าสนใจ:
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 20 ก.พ.67 นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าวพร้อมทีมงาน ได้ประสานนายคม ภัทรกุลประเสริฐ ผอ.สำนักพุทธ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จ.นนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณตลาดประชานิเวศน์3 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี พบพระสงฆ์ยืนรอรับบาตรและพระสงฆ์นั่งเก้าอี้ระหว่างรอญาติโยมมาใส่บาตร ที่บริเวณด้านข้างร้านขายอาหารบรรจุถุง หน้าตลาดประชานิเวศน์ 3 จึงได้เข้าตรวจสอบขอดูใบสุทธิบัตร พบว่าไม่มีเอกสารแสดงความเป็นพระ จึงได้นำตัวส่งวัดบัวขวัญ เพื่อให้เจ้าคณะตำบลบางกระสอ และพระวินยาธิการ ทำการสอบสวน ในระหว่างนำตัวส่งพระรูปดังกล่าวอ้างว่า เป็นนักข่าวเพราะมีบัตรนักข่าวห้อยอยู่ที่คอ ซึ่งเป็นบัตรนักข่าวของหนังสือพิมพ์ ไทยเอสพีเอสนิวส์
ในระหว่างจับกุมพระรูปดังกล่าวชาวบ้าน ได้ให้ข้อมูลว่า แถวนี้จะมีพระมายืนบิณฑบาตรแบบนี้ประจำ จำนวนหลายรูป นอกจากนี้วันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมาเรี่ยไร ส่วนตัวเองจะไม่เคยใส่บาตรแบบนี้ ถ้าจะทำบุญจะไปทำที่วัด ตนรู้สึกเศร้าและกลัว เพราะศาสนาอื่นเขามองว่าเราเป็นขอทาน ปกติจะเห็น 3-4 รูปมาอยู่แถวนี้ พอดีเห็นข่าวกลวงพ่อน้ำฝนตนจึงคิดว่าตนจะแจ้งหน่วนงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบ พระทำแบบนี้มันเสื่อมเสีย ตนเคยถามว่ามาจากวัดไหนพระก็ตอบไม่ได้ บางทีก็เป็นพระมาจากเขมร บางทีตนก็เห็นมาเปลี่ยนชุดแถวนี้
ต่อมาเวลา 10.00 น.ที่วัดบัวขวัญพระอารามหลวง พระเจ้าคณะตำบลท่าทราย และพระวินยาธิการ ผอ.สำนักพุทธพยายามสอบถามถึงเอกสารใบสุทธิพระ ก็อ้างว่าไม่ได้พกมา และอ้างว่าเป็นพระอยู่ที่ สำนักสงฆ์อาพาตที่ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ทราบชื่อคือ พระวีรศิลป์ นิติอภัยธรรม อายุ 60 ปี จึงได้มีการตรวจสอบสำนักสงฆ์ดังกล่าว แต่ไม่พบว่ามีสำนักสงฆ์จริง และยังพบว่าเมื่อปี 2566 ได้ถูกจับสึกที่วัดเสมียนนารี จึงได้ให้พระวีรศิลป์ ทำการเปลี่ยนชุดออก เพราะว่าหมดจากความเป็นพระตั้งแต่ปี 2566 แต่พระวีรศิลป์ ไม่ยอมเปลี่ยนชุด จคงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ทำการควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดี
จากนั้นเวลา 13.00 น.ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการสอบปากคำ และตรวจสอบตามสถานที่ที่กล่าวอ้างแต่ไม่มีการยืนยันตัวตน จึงให้ทำการเปลี่ยนชุด แต่พระวีรศิลป์ ยังดื้อก็ไม่ยอมเปลี่ยนชุด ยืนยันว่ามีใบสุทธิ และได้ติดต่อเพื่อนที่เป็นพระให้เข้ามาที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ชื่อว่า พระสุภเดช เจริญศรี เป็นพระจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่มาอาศัยอยู่ที่สำนักสงฆ์เดียวกัน จึงได้ตรวจสอบไปยังต้นสังกัดพบว่าเป็นพระจริง แต่ไม่ได้แจ้งวัดที่เข้ามาอาศัยในจ.นนทบุรี จึงได้เชิญพระวินยาธิการให้เดินทางมาตัดสิน ซึ่งมีคำสั่งให้ส่งตัวกลับวัดต้นสังกัดทันที่ ส่วนพระวีรศิลป์ ให้ทำการเปลี่ยนชุดเพราะไม่ใช่พระสงฆ์ และให้ดำเนินคดีตามกฏหมาย
เบื้องต้นได้ทำการตรวจสอบประวัติทั้งหมด พบว่าพระวีรศิลป์ เคยถูกจับดำเนินคดีมาแล้ว 3 ครั้ง ที่พื้นที่สน.บางโพ ปี 2564 , สน.ประชาชื่น ปี 2564 และถูกออกกมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ปี 2566 ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาว่า แต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามณร นักพรต หรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ควบคุมตัว นายวีรศิลป์ นิติอภัยธรรม ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: