หนุ่มรับเหมาปีนเสาวิทยุรอบสองร้องขอความเป็นธรรมนานแล้วไม่มีความคืบหน้าจากกรณีถูกปลอมลายเซ็นเบิกเงินไป8.3 ล้าน
เมื่อวันที่ 13 มี.ค.62 ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับแจ้งมีชายปีนเสาสื่อสารภายในซอยทิมแลนด์ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ใกล้กับทางด่วนงามวงศ์วาน ฝั่งขาออก จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมประสานอาสากู้ภัยนำอุปกรณ์การช่วยเหลือมาเตรียมพร้อมป้องกันเหตุฉุกเฉิน จากการตรวจสอบทราบว่าผู้ที่ปีนเสาสื่อสารคือนายเอกวิทย์ เกศเจริญ อายุ 39 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ ที่ก่อนหน้านี้เคยปีนเสาสื่อสารนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้ทางผู้บริหารของธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ ออกมาแสดงความรับผิดชอบเรื่องจำนวนเงิน 8.3 ล้านบาทหายไปจากบัญชีที่นายเอกวิทย์ฝากไว้ เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมโดยใช้โทรศัพท์มือถือพูดคุยกับนายเอกวิทย์ เพื่อให้ลงมาจากเสาสื่อสาร และจะขอดูเอกสารเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะหาทางช่วยประสานกับทางธนาคาร แต่นายเอกวิทย์ ปฏิเสธไม่ยอมลงและยืนยันว่าต้องการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารเท่านั้น ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาเจรจาก็จะอยู่บนนี้จนกว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อไปยังธนาคารเพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมเจรจาแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถไปบังคับให้ทางธนาคารทำตามได้
ด้าน ร.ท.ปลองพล สังข์อาสา อายุ 62 ปี อดีตนายทหารนอกราชการ ซึ่งเป็นญาติกับนายเอกวิทย์ เปิดเผยว่า นายเอกวิทย์ นั้นมีอาชีพเป็นผู้รับเหมาโดยร่วมกันกับเพื่อนคนที่ปลอมลายเซ็นต์ไปเบิกเงินจากธนาคารกรุงไทย สาขาสวรรค์วิถี จ.นครสวรรค์ ทั้งหมด 2 ครั้งยอดเงินรวม 8.3 ล้านบาท โดยที่การถอนเงินนั้นมีแค่สมุดเงินฝากอย่างเดียวและถอนต่างสาขา มีเอกสารใบมอบฉันทะปลอม ซึ่งแท้จริงแล้วไม่สามารถเบิกเงินได้เพราะเป็นระเบียบของทางธนาคารต้องใช้บัตรประชาชนที่เป็นตัวจริงเท่านั้น แต่แบงก์กลับจ่ายเงินให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 51 หลังเกิดเหตุทางนายเอกวิทย์ ได้ดำเนินการตามกรรมวิธีทุกขั้นตอนแต่ทางธนาคารไม่ดำเนินการอะไรเลยปล่อยมาถึงจนทุกวันนี้ ที่มาวันนี้ก็เพื่อที่จะขอเงินคืน บ้านก็จะโดนยึด รถก็จะโดนยึด ธุรกิจก็ไม่ได้ทำเนื่องจากไม่มีเงินเพราะนำเงินไปสู้คดีจนหมดตัว โดยทางศาลได้ถอนฟ้องไปแล้วสองเรื่องที่นายเอกวิทย์ฟ้อง คือปลอมลายเซ็นและเรื่องการเบิกเงิน
