ที่กลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ เขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นายเสฐียรพงศ์ มากศิริ ผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์ ,พลตรีชัยเดช สุรวดี ผบก.มทบ.35 อุตรดิตถ์, พ.ต.อ.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี รรท.ผบก.ภ.จว. อุตรดิตถ์ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งเขื่อนสิริกิติ์ ประมงจังหวัด เกษตรจังหวัด ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมครอบครัวชาวประมงน้ำจืด หรือ ประมงภูเขาสูง เป็นราษฎรที่อพยพและได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ เมื่อปี2512 มีการสร้างแพ เป็นที่อยู่อาศัยและยึดอาชีพจับสัตว์สัตว์น้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ตลอด 48 ปี
ผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์และคณะ เดินทางจากสันเขื่อนสิริกิติ์ ด้วยเรือเร็ว ไปยังหมู่บ้านประมง บ้านห้วยเจริญ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมู่ 8 ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา ที่อยู่กลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ โดยชาวบ้านจะสร้างแพอาศัยอยู่เป็นครอบครัว ลอยและติดภูเขาที่โผล่เหนือน้ำ 18 ครอบครัว ปัจจุบันนอกจากทำประมงหาปลาแล้ว ยังเลี้ยงปลาในกระชังตามโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
ผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมและรับทราบปัญหาต่างๆจากชาวประมง ว่า จากพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้ไว้กองทัพภาคที่ 3 การให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ มาอาศัยอยู่ในเรือนแพ ให้มีรายได้ที่แน่นอน ทางมณฑลทหารบกที่ 35 อุตรดิตถ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดถ่ายทอดองค์ความรู้การเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังแบบครบวงจรพร้อมช่องทางตลาด ซึ่งเป็นอาชีพมีประสบการณ์อยู่บ้างแล้ว และด้วยระดับน้ำ สามารถเลี้ยงได้ตลอดทั้งปี ปัจจุบันมี 18 ครอบครัว ที่เข้าร่วมโครงการและเลี้ยงปลาทับทิม 292 กระชัง ปลาจะจับขายทุกๆ 3 เดือน ส่งขายให้พ่อค้าที่รับซื้อ
ด้วยอาศัยอยู่กลางอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มณฑลทหารบกที่ 35 ยังได้ทำแปลงต้นแบบให้เข้ากับวิถีชีวิตของชาวประมง ด้วยการปลูกผักกินได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ผักบุ้ง คะน้า ผักชี ผักสวนครัว ปลูกในภาชนะ หรือยางรถยนต์เก่า ให้เป็นสวนผักลอยน้ำ โดยปลูกไว้ติดกับแพอาศัย ไว้รับประทานในครัวเรือน ครอบครัวละ 1 สวนแพ ทำให้ไม่ต้องนั่งเรือไปหาซื้อที่ตลาดบนฝั่ง ที่สำคัญยังได้ทางผักปลอดสาร มีน้ำอุดมสมบูรณ์ตลอดปีอีกด้วย สำหรับชาวบ้านที่นี่ “ในน้ำมีปลา บนแพมีผักรับประทาน”
