ที่บนสันเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นเขื่อนที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงให้ขนานนามเขื่อนว่า “เขื่อนสิริกิติ์” พสกนิกรชาวอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ต่างพร้อมใจสวมเสื้อสีฟ้า ที่มีข้อความว่า “ปั่นเพื่อตอบแทนแผ่นดินแม่” ต่อแถวยาวตลอดถนนแนวสันเขื่อน เพื่อร่วมลงนามถวายพระพรหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยมีนายดนัย คมคาย อายุ 43 ปี อดีตผู้ลี้ภัยสงคราม สมัยที่เกิดสงครามภายในประเทศกัมพูชา ช่วงประมาณปี 2522 และได้หลบหนีเข้ามาอยู่ที่ศูนย์ผู้ลี้ภัย บ้านเขาล้าน จ.ตราด พร้อมครอบครัวได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ด้วยสำนึกพระมหากรุณาธิคุณแม่ของแผ่นดิน
นายดนัย และพสกนิกรชาวอำเภอน้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ กว่า 300 คน พร้อมกัน ณ จุดสตาร์ท ซึ่งเป็นป้าย “เขื่อนสิริกิติ์” ต่างเปล่งเสียงดังกึ่งก้อง “ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ” 3 ครั้ง ก่อนจะเริ่มปั่นจักรยาน ใช้เส้นทางบนสันเขื่อนสิริกิติ์ ไปตามถนนสายเขื่อนสิริกิติ์-น้ำปาด-สักใหญ่ ระยะทาง 20 กิโลเมตร ไปยัง อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ ซึ่งมีต้นสักขนาดใหญ่ มีอายุประมาณ 1,500 ปี ความยาวรอบต้น 1007 เซนติเมตร หรือ 15 คนโอบ ครั้นปี 2541 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จทอดพระเนตรพร้อมรับสั่ง ” ให้บำรุงดูแลรักษาต้นสักใหญ่ ให้มีอายุยืนนานที่สุดเท่าที่จะทำได้” และเป็นต้นไม้แม่ของแผ่นดิน
นายดนัย กล่าวว่า เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2561 ตนในฐานะอดีตผู้ลี้ภัยสงครามสมัยที่เกิดสงครามภายในประเทศกัมพูชา ได้เขียนข้อความแสดงความจงรักภักดี ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงช่วยเหลือชาวกัมพูชาและตนเองจากภัยสงครามที่เกิดขึ้น และยังให้การศึกษาจนตนเองสำเร็จการศึกษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยปัจจุบันได้อาศัยแผ่นดินของแม่ ทำมาหาเลี้ยงครอบครัว ที่ อ.น้ำปาด ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและร่วมถวายพระพรของพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน จึงได้ปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ และทำดีตอบแทนแผ่นดินของแม่ตลอดไป และการปั่นจักรยาน เป็นการสนับสนุนให้เยาวชนคนไทย โดยเฉพาะในชุมชนต่างๆ ได้ออกกำลังกายสร้างสุขภาพที่แข็งแรง
