นายปิยภัทร สายเมฆ ผอ.โครงการชลประทานอุตรดิตถ์ สำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทานพร้อม พร้อมด้วยนายมานพ สุวรรณบุตร หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน และ เจ้าหน้าที่โครงการชลประทานอุตรดิตถ์ลงพื้นที่ตามสถานีสูบน้ำไฟฟ้าลำน้ำน่าน ทั้งหมด 88 สถานี เพื่อชี้แจ้ง ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้ใช้น้ำ ให้หยุดการสูบน้ำจากแม่น้ำน่านโดยเด็ดขาด จนถึงวันที่ 13 มีนาคม นี้ เพื่อช่วยในการผลักดันน้ำเค็ม ลุ่มน้ำเจ้าพระยา พร้อมติดป้ายและแจกจ่ายเอกสารประชาสัมพันธ์ หลังจากนั้นมีการปรับแผนอนุญาตให้สูบ 5 วัน หยุด 5 วัน เพื่อไม่ให้มีการใช้น้ำเกินแผนที่กำหนด เพราะจะกระทบ 17 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
แม้ที่ผ่านมาชลประทานจังหวัดอุตรดิตถ์ ออกหนังสือจากผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์ 7 ฉบับ และจากชลประทานจังหวัด 7 ฉบับ ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 33 แห่ง สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 88 แห่ง 127 ฉบับ ประชุมชี้แจ้งกลุ่มเกษตรกร ผู้ใช้น้ำ 58 ครั้ง ขอให้งดและลดการทำนาปรัง ด้วยภาวะภัยแล้ง พบว่า เกษตรกรมีทำนาปรัง ทั้งเขตชลประทาน 26,910 ไร่ และนอกเขตที่อาศัยการสูบน้ำด้วยสถานีไฟฟ้า จากลำน้ำน่าน น้ำปาด คลองตรอน และคลองละมุง จำนวน 120 สถานี รวม 157,081 ไร่ ซึ่งเฉพาะอาศัยการสูบน้ำด้วยสถานีไฟฟ้า จากลำน้ำน่านเพาะปลูกมากถึง 141,491 ไร่ 
การลงพื้นที่พบว่ามีการใช้น้ำน่าน ช่วงจังหวัดอุตรดิตถ์มากถึงวันละ 3 ล้าน ลบ.เมตร /วัน จากปริมาณที่ปล่อยจากเขื่อนสิริกิติ์วันละ 9.3 ล้าน ลบ.เมตร/วัน จากนี้ไป คณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตร (อพก.)จังหวัดอุตรดิตถ์ ปรับแผนการสูบน้ำของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ทั้ง 120 สถานี คือ สูบ 5 วัน หนยุด 5 วัน โดยจะแบ่งกลุ่มเวลาสูบ คือ กลุ่มที่ 1 อ.เมือง อ.ตรอน อ.น้ำปาดและกลุ่มที่ 2 อ.พิชัย ในการผลัดเปลี่ยนกันสูบน้ำ เพื่อให้เกิดการใช้น้ำอย่างประหยัดมากที่สุด เพื่อรักษาน้ำต้นทุนให้เพียงพอไปจนถึงฤดูฝน
