เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ประกาศ 3 มาตรการ สกัดการระบาดโควิด-19 ห้ามบุคคลภายนอกเข้า-ออก พนักงานอยู่นอกเขื่อน WFA และรับส่งพัสดุประตูเดียว ย้ำ ไม่กระทบต่อการบริหารจัดการน้ำ
วันที่ 27 เมษายน 2564 นายชาญณรงค์ จันทมงคล ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ (อขส.) เปิดเผยว่า เขื่อนสิริกิติ์ได้เพิ่มมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงออกประกาศมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาด โควิด-19 ดังนี้ 1.ห้ามบุคคลภายนอกเข้า-ออก พื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ ก่อนได้รับอนุญาต 2.ให้ผู้ปฏิบัติงานที่อยู่นอกพื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ WFA อย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงการเดินทางไป – กลับนอกพื้นที่เขื่อน จากมาตรการเดิมเขื่อนสิริกิติ์ได้ดำเนินการ ได้งดให้บริการเยี่ยมชม ศึกษาดูงาน การให้บริการบ้านพัก ร้านอาหาร สนามกอล์ฟ และการท่องเที่ยวภายในเขื่อน รวมทั้งสถานที่ออกกำลังกาย พร้อมเน้นย้ำปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT อย่างเคร่งครัด จัดทีมพนักงานเดินเครื่องและบำรุงรักษา กักตัวในพื้นที่ควบคุม (Save Zone) ตามนโยบายขั้นสูงสุด ของ กฟผ.เพื่อดูแลงานเดินเครื่อง และบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าเขื่อนสิริกิติ์ และโรงไฟฟ้าท้ายเขื่อนชลประทานเขื่อนนเรศวร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนคลอง 3.จุดรับส่งพัสดุ ให้รับส่งที่ป้อมประตู 2 เท่านั้น โดยมาตรการดังกล่าวเริ่มวันที่ 27 เมษายน เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง นายชาญณรงค์ จันทมงคล (อขส.) กล่าวอีกว่า ช่วงการระบาดของโควิด-19 ขอให้มั่นใจว่าเขื่อนสิริกิติ์ยังสามารถดำเนินงานด้านการการผลิตกระแสไฟฟ้า และการบริหารจัดการน้ำไม่ให้กระทบต่อประชาชนแต่อย่างไร ในส่วนสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ล่าสุด ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 3,807 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 40 เป็นปริมาณน้ำพร้อมใช้งาน 957 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 14 ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกันประมาณ 76 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ได้ระบายน้ำตามแผนของคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงในปัจจุบัน คณะกรรมการฯ จึงได้มีแผนการระบายน้ำ วันที่ 26 เม.ย. – 2 พ.ค. 64 ระบายน้ำวันละ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร เน้นเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำดิบเพื่อผลิตประปา ผลักดันน้ำเค็ม รักษาระบบนิเวศเป็นสำคัญ โดยมีปริมาณน้ำไหลเข้าเฉลี่ยวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ปีนี้ปริมาณน้ำน้อย ประชาชน เกษตรกรใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ข่าวน่าสนใจ:
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: