ผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์ สั่งการ ชุดจัดระเบียบสังคมจังหวัดอุตรดิตถ์ บุกตรวจสอบ จับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า กลางเมืองอุตรดิตถ์ ยึดของกลางกว่า 3,000 รายการ มูลค่ากว่า 7 แสนบาท
นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์ สั่งการ นายอนวัช สัตตบุศย์ ปลัดจังหวัดอุตรดิตถ์,นายนิมิตร เมืองเปีย ป้องกันจังหวัดอุตรดิตถ์,นายศิวัช ฟูบินทร์ นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ นำชุดจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการจังหวัดอุตรดิตถ์ สนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสาน กำลัง จนท.ฝ่ายปกครอง ,ตำรวจ สภ.เมืองอุตรดิตถ์,กองร้อย อส.อุตรดิตถ์ เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ถนนเจษฎาบดินทร์ (สายเกาะกลาง) เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ หลังรับการร้องเรียนจากประชาชนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ว่า มีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อไปถึงหน้าร้านซึ่งติดกระจกทึบ หน้าร้านขึ้นตัวอักษรภาษาอังกฤษ “KT SHOP” และป้ายข้อความ “ต่ำกว่า 18 ห้ามเข้า ไม่อนุญาตให้ใส่ชุดนักเรียนเข้าไปใช้บริการ”
โดยชุดจับกุมได้ส่งสายมาลับดำเนินการซื้อบุหรี่ไฟฟ้าที่ร้านดังกล่าว พร้อมถ่ายธนบัตรฉบับละ 500 บาท จำนวน 1 ฉบับ ธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 5 ฉบับ ซึ่งสายลับซื้อตัวบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยา 2 ชิ้น จากนั้น จนท.เข้าไปตรวจสอบภายในร้าน ถึงกับตะลึง เนื่องจากภายในร้านดังกล่าวเปิดจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า หลากหลายยี่ห้อและหลากหลายรูปแบบ จัดเรียงในตู้กระจก และแขวนให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ โดยมี น.ส.เอ (นามสมมุติ)อายุ 24 ปี เป็นพนักงานขายประจำร้าน จนท.จึงแสดงตนและตรวจค้นภายในร้านตรวจยึดของกลางเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ประกอบด้วย เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง 1,017 ชิ้น, เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเติม 105 ชิ้น, เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 55 ชิ้น, หัวพอดน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 1,823 รายการ, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 405 หลอด อุปกรณ์เสริม 112 ชิ้น รวมทั้งหมด 3,517 ชิ้น มูลค่าเบื้องต้นกว่า 7 แสนบาท
จากการสอบสวน น.ส.เอ ระบุว่า เป็นเพียงลูกจ้างทำหน้าที่พนักงานขายประจำร้าน ส่วนเจ้าของไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จ. อุตรดิตถ์ ร้านมีพนักงานอีก 2 คน ซึ่งสับเปลี่ยนเวลาทำงาน เนื่องจากร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00 – 24.00 น.เปิดขายมาเกือบ 1 ปีแล้ว ทั้งนี้ จนท.ประสานไปยังเจ้าของร้าน เบื้องต้นยอมรับว่าเปิดร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริง จึงประสานเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เพื่อดำเนินคดี ในความผิดฐาน “ขายหรือให้บริการโดยมีค่าตอบแทนรวมถึงการซื้อมาเพื่อขายต่อ ตามคำสั่งคณะกรรมการผู้บริโภค ฉบับที่ 9/2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557 ตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ และช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ-รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของเป็นอันที่รู้ว่าเป็นของที่นำมาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ได้สั่งการและกำชับให้ชุดจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการจังหวัดอุตรดิตถ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้หมั่นลงพื้นที่ตรวจสอบและใช้มาตรการด้านกฎหมายอย่างเข้มข้น เนื่องจากปัจจุบันพบว่ากลุ่มเยาวชนสามารถเข้าถึงการใช้บุหรี่ไฟฟ้าและหาซื้อได้ง่าย บางพื้นที่เปิดขายอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และขอให้พี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเบาะแสการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าหรือยาเสพติดอื่นๆ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อที่จะได้ดำเนินการลงพื้นที่ตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
