ระนอง กักตัวหญิงกลับจากเกาหลีพร้อมญาติ 6 ราย ตามมาตรการเฝ้าระวังกลุ่มที่กลับจากพื้นที่เสี่ยง
ระนอง-นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยถึงสถานการณ์การเฝ้าระวังไวรัสโควิด-19 ในเขตพื้นที่ จ.ระนองว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมาทางจังหวัดได้สั่งกักตัวผู้หญิงชาวระนองชื่อลัดดา ขอสงวนนามสกุล ชาวบ้าน อ.กระบุรี จ.ระนอง ที่กลับมาจากประเทศเกาหลีเนื่องจากหมดสัญญาการทำงานกับนายจ้างผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีญาติพี่น้องไปรอรับที่สนามบิน ต่อมาเมื่อทางจังหวัดทราบเรื่องจึงได้สั่งกักตัวหญิงคนดังกล่าวเพื่อสังเกตุดูอาการเป็นเวลา 14 วัน พร้อมกับญาติที่เกี่ยวข้องรวมจำนวน 6 คนเพื่อรอดูอาการเป็นเวลา 14 วันด้วยเช่นกัน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มพื้นที่เสี่ยง แจ้งประชาชนไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกแต่ประการใด แต่ให้มั่นใจในมาตรการที่ได้ดำเนินการ สำหรับอาการเบื้องต้นของผู้หญิงชาวระนองและญาติทั้ง 6 คนที่ถูกกักตัวสภาพร่างกายเป็นปกติไม่มีอาการไข้ ตัวร้อน หรือผิดปกติใดๆ โดยมี จนท.สาธารณสุขจังหวัดระนองจัดเวรยามเข้าไปตรวจวัดอาการเป็นช่วงเวลา และนำอาหาร น้ำดื่มเข้าไปให้ผู้ที่ถูกกักตัว
– นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ขณะนี้ทางจังหวัดระนองได้มีการป้องกันเชิงรุกโดยการสร้างวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างสภาวะทางสุขอนามัยให้กับเด็กๆ โดยการสร้างวินัยล้างมือให้เป็นนิสัย ให้นักเรียนอนุบาลรู้วิธีการล้างมือที่ถูกวิธี 7 ขั้นตอน ตามแบบอย่างของสาธารณสุข เพื่อการมีสุขอนามัยที่ดีห่างไกลจากเชื้อโรค หากเด็กฝึกจนเป็นนิสัยก็จะป้องกันหรือลดภาวะความเสี่ยงได้อีกหลายโรคไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด,โรคมือเท้าปาก และโรคอื่นๆ”
ส่วนในภาพรวมของจังหวัดระนองขอยืนยันว่ายังไม่มีประชาชนในจังหวัดระนองติดเชื้อไวรัสโควิด19 อย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของทางสาธารณสุขจังหวัดระนองก็ยังคงมีมาตรการคัดกรองทั้งที่สนามบิน ที่ท่าเรือ ช่องทางเข้าออกด่านพรมแดนต่างๆและสถานีขนส่ง ตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเข้มข้นเพื่อต้องการให้ระนองเป็น “เซฟตี้โซน” (safety zone) สำหรับผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศและเป็นประเทศในกลุ่มเสี่ยงหากสงสัยหรือไม่มั่นใจว่าตนเองจะติดเชื้อไวรัสหรือไม่ ก็ให้ติดต่อกับนายแพทย์สาธารณสุขหรือกับทางโรงพยาบาลระนองได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวท่านเอง ////
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: