ระนองประกาศเขตอันตรายตึกไฟไหม้ หวั่นตึกถล่มซ้ำ
ระนอง- จังหวัดระนองยังคงประกาศให้บริเวณรอบๆพื้นที่เกิดเหตุไฟไหม้ หจก.ทรงสกุลวนา ประกอบกิจการร้านขายปลีกวัสดุก่อสร้าง และร้านทอง บริเวณริมถนนเพชรเกษมขาออก ม.3 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง เนื่องจากเหตุไฟที่ไหม้อย่างรุนแรงลุกลามทั่วทั้งตึกจำนวน 6 ห้อง
ข่าวน่าสนใจ:
- ตร คลี่ปม หนุ่มวัย 29 ปี ถูกรถไฟชน มีเสื้อมัดเท้า ยืนยันเป็นเพียงมัดแทนรองเท้าเดินริมทางรถไฟ
- กกต.อบจ.เพชรบูรณ์ ประกาศผลเลือกตั้ง "อัครเดช"รั้งแชมป์สมัย 7 ผู้ใช้สิทธิ์ไม่ถึงร้อยละ 50 ปชช.สงสัยผู้ใช้สิทธิกับบัตรลงคะแนน เลขเขย่งถามสาเหตุ
- เดือดกลางวอล์กกิ้ง ปมขัดแย้งร้านบีบีกัน ควงมีด ควงปืน หมายเปิดศึก พลเมืองดีห้ามวุ่น หวั่นนทท.ถูกลูกหลง
- สงขลา"ตลาดหัวลำโพง"สวรรค์การค้าชายแดนไทย-มาเลย์ รุ่งเรืองสุดสู่อนาคตที่อาจมืดดับ
ต่อมาพบว่าตึก 4 ห้องได้พังถล่มลงมาหลังจากที่ไฟที่ลุกไหม้เผาทำลายโครงสร้างอาคารจนเสียหายหนัก จนกระทั่งเช้าวันที่ 16 มี.ค. 2563 พบว่าบริเวณดังกล่าว จนท.ยังคงมีการจัดเวรยามและกำหนดเขตพื้นที่ต้องห้ามไม่ให้บุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตราย โดยเฉพาะซากอาคารที่เสียหายอย่างรุนแรงที่อาจจะพังถล่มลงมาได้ทุกเวลา
เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่สุดของ จ.ระนอง ในรอบ 100 กว่าปีที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 จากก่อนหน้านี้มีไฟไหม้บ้านที่ถ.สะพานปลา แต่ความรุนแรงและความเสียหายครั้งล่าสุดนี้รุนแรงมากกว่าและรุนแรงที่สุดใน จ.ระนอง
เหตุการณ์เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 มีนาคม 2563 ศูนย์วิทยุ 191 ภูธรจังหวัดระนอง รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและร้านจำหน่ายทองบริเวณริมถนนเพชรเกษมขาออก ม.3 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง จึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ เข้าตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระนอง ไปถึงที่เกิดเหตุ พบเป็นอาคารพาณิชย์ ขนาด 6 คูหา สูง 4 ชั้น เปิดเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ร้านจำหน่ายทองและที่อยู่อาศัย
พบว่าด้านล่างของอาคารบริเวณที่เป็นจุดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างมีไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง พร้อมกับมีเสียงระเบิดเป็นระยะ เนื่องจากเป็นจุดที่ตั้งของสี ทินเนอร์ และไม้ซึ่งเป็นเชื้อไฟอย่างดี ไฟได้ไหม้และลุกลามอย่างรวดเร็วขึ้นชั้นบนของอาคาร แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะมีการระดมรถน้ำจากจากทุกเทศบาล ทุก อบต.ในพื้นที่ อำเภอเมือง พร้อมทั้งยังได้รับการสนับสนุนรถน้ำจากภาคเอกชนทั้งรถเล็กและรถใหญ่จำนวนกว่า 20 คัน แต่การควบคุมไฟเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องสิ่งที่ติดไฟเป็นเชื้อไฟอย่างดี
เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปฉีดน้ำด้านในได้ ส่งผลให้ไฟลุกไหม้ไปถึงชั้นบนสุดลุกลามไปถึงด้านหลัง สร้างความเสียหายทั้งหมด เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงเพลิงจึงลดความรุน แรง แต่ยังคงต้องฉีดน้ำอย่างเนื่อง เพราะว่ายังคงมีไฟลุกขึ้นมาตลอดเวลาในหลาย ๆจุดที่น้ำไม่ได้หล่อเลี้ยง หรือน้ำฉีดเข้าไปไม่ถึง ซึ่งคาดว่ากว่าที่ไฟจะดับหมดอาคารทรัพย์สินและสินค้าทั้งหมดคงจะได้รับความเสียหายทั้งหมด และคงยังต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงจนกว่าไฟจะดับสนิท
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ปรากฏว่าอาคารที่ถูกไฟไหม้เสียหายอย่างหนักทั้ง 6 หลัง มีการทรุดตัวถล่มลงมาทันที 3 หลังพร้อมกัน สร้างความโกลาหลและตกใจของ จนท. โชคดีที่ จนท.ที่เข้าไปในตึกก่อนหน้าได้ออกมาข้างนอกหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นอาจเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำสองขึ้นได้ โดยหลังจากที่อาคาร 3 คูหาได้พัวถล่มลงมา จนท.จึงได้เร่งกั้นบริเวณตึกตั้งหมดเพื่อป้องกันอันตรายที่ส่วนอาคารคูหาอื่นๆจะถล่มซ้ำลงมาอีก
ด้านเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบถามพนักงานร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ผู้ที่เห็นไฟฟ้าลัดวงเจคนแรก ทราบว่าในขณะที่ลูกจ้าง ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวกำลังยืนขายสินค้าให้กับลูกค้ามามีซื้อของ ได้ยินเสียงดังตูมด้านเพดานที่ตนยืนอยู่ หันไปมองพบไฟกำลุกไหม้ จึงรีบไปหยิบถังดับเพลิงมาฉีดพร้อมตะโกนเรียกเจ้าของร้านให้แจ้งดับเพลิง แม้จะฉีดจนหมดถังแต่ก็ไม่สามารถดับไฟได้
จึงรีบวิ่งออกมาด้านอกร้านทั้งหมด จนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาฉีดน้ำแต่ก็เสียหายเกือบหมด อีกทั้งรถรถยนต์ทั้ง 3 คันที่จอดอยู่หน้าร้านและข้างร้านเจ้าหน้าที่ต้องทุบกระจกเพื่อปลดเกียร์ช่วยกันเข็นรถออกจากจุดดังกล่าว เพราะเจ้าของร้านไม่ได้นำกุญแจออกมาจากร้าน เบื้องต้นความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ครั้งนี้น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท ทั้งเรื่องตัวอาคาร ทรัพย์สินภายในร้าน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: