ผวจ.ระนอง ยอมผ่อนปรน แต่ยังเข้มงวด ชาวสวนที่เดินทางเข้าออกแนวรอต่อระนอง-ชุมพร
ระนอง- นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยถึงกรณีที่ชาวบ้านเดือดร้อนหนักเรียกร้องถึง ผวจ.ระนองขอผ่อนปรนเข้า-ออก จังหวัด ที่ไม่สามารถข้ามจังหวัดเข้าสวนผลไม้ตัวเองได้ จึงรวมตัวกันเรียกร้องให้มีการผ่อนปรนมาตรการการข้ามเขตจังหวัดระนอง-ชุมพร นั้นล่าสุดตนได้สั่งการให้นายอำเภอละอุ่น นำข้อกำหนด ข้อตกลง และแนวทางจากทางจังหวัดเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มชาวบ้าน ชาวสวนแนวรอยต่อ 2 จังหวัดระนอง-ชุมพร เพื่อหาทางออกในเรื่องดังกล่าว
นายจตุพจน์กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริเวณดังกล่าวไม่ได้เข้มงวดเช่นปัจจุบันที่ต้องมีใบรับรองแพทย์ ช่วงแรกยังมีการผ่อนปรนให้ชาวสวนที่มีสวนอยู่ในฝั่งจ.ระนองแต่มีภูมิลำเนาอยู่ในฝั่ง จ.ชุมพร สามารถขออนุญาตข้ามฟากเข้ามาทำสวนได้ โดยระบุให้เข้ามาเฉพาะในสวนตามระยะเวลาที่แจ้งหรือที่กำหนด แต่ปรากฏว่าช่วงหลังพบว่าผู้ที่เดินทางเข้ามาเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายจากที่เดินทางไปทำสวน กลับเดินทางไปในชุมชน ประกอบการโรคระบาดมีการขยายตัว ฝั่ง จ.ชุมพร พบผู้ติดเชื้อ
ข่าวน่าสนใจ:
จึงทำให้ชาวบ้าน อ.ละอุ่น เริ่มวิตกว่าหากยังให้มีการข้ามฟากเข้ามาในชุมชน อาจจะนำเชื้อโรคมาแพร่ระบาดติดคนในชุมชนได้ จึงตกลงให้ใช้มาตรการเดียวกันตามของจังหวัดคือผู้ที่ผ่านเข้า-ออก จ.ระนองได้ต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 เท่านั้น จึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมา ชาวสวนที่อาศัยอยู่ในฝั่ง จ.ชุมพร แต่สวนผลไม้ สวนเกษตรอยู่ในฝั่ง จ.ระนองไม่สามารถเข้ามาได้ แต่ในช่วงหลังชาวสวนเริ่มวิตกและเป็นห่วงสวนเกษตรที่พบว่าเริ่มมีฝนตกและผลผลิตอยู่ในช่วงที่เริ่มเก็บเกี่ยวได้ จึงอาจสร้างความเสียหายต่อสวนผลไม้ของตนเองได้ จึงได้รวมตัวกันมาเรียกร้องขอเข้ามาดูแลสวน
ซึ่งทางจังหวัดก็เห็นใจ แต่ในภาพรวมในสถานการณ์ที่เกิดก็ต้องให้ความสำคัญเรื่องการสกัดการแพร่ระบาดของโรกเป็นลำดับแรก โดยจะผ่อนปรนมาตรการลงแต่ยังคงเข้มงวด โดยข้อเสนอทางจังหวัดคือให้มีการจัดทำบัญชีสวนทั้งหมด และสวนผลไม้ต่างๆ บัญชีรายชื่อเจ้าของสวนที่อยู่ในฝั่ง จ.ชุมพร จากนั้นต้องแจ้งเรื่องขอเข้ามายัง จ.ระนอง-ชุมพรต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่จะเซ็นรับรอง และต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดว่าต้องเข้ามาที่สวนเพียงอย่างเดียวกำหนดเวลาไปกลับที่ชัดเจน ห้ามเดินทางออกจากจุดที่แจ้งไว้ อย่างเด็ดขาด ซึ่งหากชาวบ้านพอใจตามข้อกำหนดนี้ ก็ให้ดำเนินการได้
นายเจษฏา จำเริญนุสิทธิ์ กำนัน ต.เขาค่าย พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ใน ต.เขาค่าย และชาวบ้านกว่า 300 คน เดินทางไปยัง ด่านคัดกรองโควิด-19 บนถนนสายเขาค่ายไปยัง อ.ละอุ่น จ.ระนอง หมู่ที่ 2 ต.ในวงศ์เหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง รอยต่อระหว่าง จ.ชุมพร และ จ.ระนอง เพื่อเรียกร้องให้ผ่อนปรนมาตรการห้ามเข้าเขต จ.ระนอง
เมื่อไปถึงรอยต่อระหว่าง จ.ระนอง และ จ.ชุมพร ท้องที่หมู่ที่ 2 ต.ในวงเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง ชาวบ้านได้รวมกลุ่ม เว้นระยะห่างกันระยะ 1-2 เมตรและสวมหน้ากากอนามัย หน้าด่านคัดกรองในเขต จ.ชุมพร เป็นแถวยาวกลางถนน พ.ต.อ.โกสิต กาญจนโกมล ผกก.สภ.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร และตำรวจจาก สภ.ละอุ่น จ.ระนอง นำกำลังมาดูแลความสงบเรียบร้อย
ชาวบ้านถือป้ายเรียกร้องให้ทางราชการจังหวัดระนองผ่อนปรนการข้ามแดนเพื่อเข้าไปดูแลสวนเกษตร ทั้งสวนปาล์มและสวนทุเรียนหลายพันไร่ นายชัยกฤต หมวดจันทร์ ปลัดอาวุโส อ.ละอุ่น จ.ระนอง พร้อม จนท เดินทางมาพบกลุ่มผู้ชุมนุม นายเจษฏา กำนัน ต.เขาค่าย ได้อ่านหนังสือความต้องการของชาวบ้าน ใน ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ใจความว่า
ในขณะนี้ พืชเกษตรที่สำคัญทางเศรษฐกิจคือ ทุเรียนหมอนทองกำลังออกผลและ ต้องดูแลเต็มที่ ทั้งใส่ปุ๋ย ระวังโรคพืชหลายชนิด ระวังแมลงหนอนเจาะผลทุเรียน หรือ เข้าไปปรับแต่งต้นทุเรียน ให้เหมาะสมกับสภาพของลูกทุเรียนที่กำลังเติบโต ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญสุด ถ้าดูแลช่วงนี้ไม่ได้สวนทุเรียนนับพันไร่ ของ ชาวสวนทุเรียน ในพื้น ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร จะเสียหายทั้งหมด
ชาวสวนทุเรียนรายหนึ่งจะมีสวนทุเรียน ประมาณ 30 ไร่ ถึง 50 ไร่ หลายร้อยราย จะขายทุเรียนได้ รายละ 2-3 ล้านบาท จะความเสียหายมากกว่า 300 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงที่ทุเรียนหมอนทองเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลออกสู่ตลาด ในขณะนี้มีพ่อค้าจากประเทศจีนเริ่มเข้ามารับซื้อในราคาที่สูงมากกว่าปกติ ถึง กก.ละ 200 -250บาท อีกทั้งชาวสวนทุเรียนได้ลงทุนใส่ปุ๋ย ขุดสระ ปรับปรุงสวนทุเรียนก่อนหน้าเหตุการณ์โควิด19 ต้องกู้ยืมเงินมานับล้านบาท กับสถาบันการเงินบ้าง กับ นายทุนบ้าง ถ้าไม่สามารถขายทุเรียนหมอนทองได้ คาดว่าจะมีผู้ล้มละลาย เสียหายนับร้อยครอบครัวแน่นอน
โดยชาวสวนขอเพียงได้เข้าไป ทำสวน วันละ 5-6ชม เท่านั้น จะไม่ออกนอกพื้นที่สวน ไปเช้าเย็นกลับ และปฏิบัติตามระเบียบที่ จ.ระนองระบุไว้ อีกทั้ง ในพื้นที่ ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ไม่ปรากฏว่า มีใครรับเชื้อโควิด หรือ เป็นผู้ต้องสงสัยว่าสัมผัสโรค แต่อย่างใด เพราะตำบลเขาค่ายก็มีการคัดกรองผู้ที่จะเดินเข้าสู่ตำบลเขาค่ายเหมือนกัน แต่การที่ จ.ระนองจะให้ชาวสวนทุเรียนไปขอใบรับรองแพทย์ว่าไม่เป็นโควิด ซึ่งต้องเดินทางไปยัง รพ.เอกชน ที่ อ.เมือง จ.ชุมพร มีค่าใช้จ่ายหลายพันต่อครั้ง และ ใบรับรองแพทย์ใช้ได้พียง 3 วัน เพียงเดินทางไปหาหมอก็ 1 วัน ใช้ใบรับรองแพทย์ ได้อีก 2 วันก็ หมดอายุใบรับรองแพทย์ ต้องไปขอใหม่อีก
นายชัยกฤต หมวดจันทร์ ปลัดอาวุโส อ.ละอุ่น จ.ระนอง พร้อม จนท.รับมอบหนังสือ และรับฟังข้อเสนอของกลุ่มชาวบ้าน เพื่อนำไปรายงาน ผวจ.ระนอง ต่อไป ในขณะที่ชาวบ้านหลายสิบคนใน จ.ระนองก็เกิดปัญหาที่จะเดินทางกลับมาหาครอบครัว ในตำบลเขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร พากันมารวมตัว ในเขต อ.ละอุ่น จ.ระนอง หน้าด่านคัดกรองเช่นเดียว ซึ่งทุกคนมีสภาพปัญหาเดียวกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: