ชาวระนองนับพัน ออกมารวมตัวเพื่อแสดงพลังร่วมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
ระนอง- 21 ต.ค. 2563 เวลา 13.30 น.ชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดระนองทั้ง 5 อำเภอ นัดหมายเดินทางออกมารวมตัวกันที่ลานอเนกประสงค์หน้าเทศบาลเมืองระนอง ตั้งอยู่ ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และรวมพลังในการต่อต้านการมุ่งร้าย มุ่งทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมวลชนที่ออกมารวมตัวกันประกอบด้วยผู้คนทุกเพศทุกวัย ต่างถือรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 และรัชกาลที่ 9 รวมทั้งรัชกาลที่ 5 ที่ทั้ง 3 ล้วนมีพระกรุณาธิคุณ เป็นล้นพ้นต่อจังหวัดระนองมากมายในอดีตและปัจจุบัน
ทำให้ชาวบ้านต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ จนจังหวัดระนองได้สมญานามว่า ระนอง เมืองแห่งความจงรักภักดี โดยผู้ร่วมชุมนุมต่างพร้อมใจสวมใส่เสื้อสีเหลือง และผูกริบบิ้นธงชาติ โดยการรวมตัวชุมนุมในครั้งนี้นั้นไม่มีแกนนำแต่อย่างใดทุกคนที่ทราบข่าวการนัดหมายก็ต่างเดินทางกันมาตามเวลาที่กำหนด
โดยกิจกรรมที่ทำในการชุมนุมนอกจากการรวมตัวแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีและการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ยังมีการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ร้องเพลงชาติไทย และร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณแห่งความจงรักภักดี ก่อนที่จะแยกย้ายกลับในเวลา 15.00 น.
นายชวเลิศ สายน้ำใส ชาวบ้านจากด อ.กระบุรี จ.ระนอง กล่าวว่าตนพร้อมเพื่อนบ้านในพื้นที่ อ.กระบุรีเกือบ 100 คนต่างพร้อมใจเดินทาง 60 กม.มาเพื่อร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ไม่ยอมให้ใครมามุ่งร้าย
นายสมเจต ยูโซะ ชาวบ้านต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง กล่าวว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นที่รักของชนในชาติทุกศาสนา เพราะพระองค์มีความเมตตาเป็นธรรมทั่วทุกคน ทำให้ตนรักและเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้งที่ทราบข่าวเพื่อแสดงความจงรักภักดี
นางแวว จันโท ชาวบ้านบ้านโรกลวง ต.เขานิเวศน์ จ.ระนอง กล่าวว่าตนรักพระมหากษัตริย์มาก เพราะพระองค์ท่านทรงงานหนัก ทำเพื่อประชาชนชาวไทยโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ทั้งยังมีแนวพระราชดำริในโครงการต่างๆ ที่เกิดประโยชน์แก่ชาวบ้าน เป็นอย่างมาก
นางสุจินดา ดิษขนาน ชาวบ้าน ทต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง กล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์คือสถาบันหลักที่เป็นดวงใจของคนทั้งชาติ หากขาดไปชาวไทยจะอยู่อย่างไร
