รอง ผบ.ตร.แถลงจับยาบ้า 3.4 ล้านเม็ดที่ระนอง สั่งเข้มชายแดนสกัดทะลัก
ระนอง-พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.เดินทางลงพื้นที่ จ.ระนองแถลงข่าวการจับกุมยาบ้าล็อตใหญ่ที่ จ.ระนอง 3.4 ล้านเม็ด รวบผู้ต้องหาเครือข่ายใหญ่ 5 ราย หัวโจกหนีรอด สั่ง จนท.ประสานทหาร ขันน็อตแนวชายแดนหลังพบเครือข่ายค้ายาเสพติดเปลี่ยนเส้นทางมาใช้ภาคใต้มากขึ้น
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางลงพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อเป็นประธานการแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดประเภทยาบ้าครั้งใหญ่ที่สุดใน จ.ระนอง และการจับกุมคดียาเสพติดที่มีของกลางยาบ้ามากที่สุดที่เคยจับกุมได้ในพื้นที่ภาคใต้จำนวน 3,429,400 เม็ด พร้อมผู้ต้องหา 5 ราย และรถยนต์ 3 คัน
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่าการจับกุมในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกวดขันจับกุมผู้มีอิทธิพล การค้ามนุษย์ และยาเสพติด ทำให้มีการจับกุมคดีใหญ่สำคัญๆ รวมทั้งสามารถกวาดล้างเครือข่ายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับเหตุการณ์จับกุมเครือข่ายค้ายาบ้ารายใหญ่และยึดของกลางยาบ้าได้เป็นจำนวนมากถึง 3,429,400 เม็ด พร้อมผู้ต้องหา 5 ราย และรถยนต์ 3 คัน ในพื้นที่ จ.ระนอง เป็นเครือข่ายของนายสุวิทย์ มณฑก ชื่อเล่นออดหรือแสบ ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาบ้ารายใหญ่ที่ก่อนหน้านี้เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง เริ่มจากเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2561 จนท.ตร.สภ.เมืองระนอง ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายสายชลหรือตูน ศรีพยัคฆ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/1 ม.13 ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และนายสุริยาหรือบอย ศรีชา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1943 ม.6 ต.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมของกลางยาบ้า 1,260,000 เม็ด ได้ที่บริเวณด่านกักกันสัตว์จ.ระนอง จากการสอบสวนขยายผลทราบว่ามีผู้ร่วมกระทำผิดอีก 5 คน ซึ่งต่อมา จนท.สามารถติดตามจับกุมได้อีก 3 คน ประกอบด้วย น.ส.เกร็ดดาวหรือแอน เกียไธสง อายุ 29 ปี ที่อยู่ 20/2 ม.13 ต.บางพลี อ.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ น.ส.อัมพรรัตน์ หรือพร ทับทอง อายุ 39 ปี ที่อยู่ 458 ม.2 ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี น.ส.วัชรีย์ภรณ์ หรือจำ ป้องขวาพล อายุ 25 ปี ที่อยู่ 9 ม.3 ต.เขาน้อย อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น หลบหนีไปได้ 2 คนคือ นายสุวิทย์ หรือแสบ หรืออ๊อด มณฑก อายุ 36 ปี ที่อยู่ 88 ม.2 ต.บัววัฒนา อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ (เจ้าของยาล็อตนี้) นายสราวุธ หรือเจม นาชัยเพชร อายุ 22 ปี ที่อยู่ 35 ม.2 ต.นอกอก อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู
พฤติการณ์ในการจับกุมตามวันเวลาที่จับกุม จนท.ตร.สภ.เมืองระนองได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด บริเวณหน้าด่านกักกันสัตว์ ขาเข้าเมืองระนอง ม.1 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง พบรถยนต์กระบะอีซูซุแคปสีเทา ทะเบียน บบ8788 สระบุรี ท่าทางมีพิรุธน่าสงสัย จึงได้เรียกทำการตรวจค้น พบยาบ้า 1,260,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกล่องพลาสติกสีเทาจำนวน 3 กล่อง บริเวณหลังรถยนต์กระบะ จากการซักถามเบื้องต้น มีผู้ร่วมกระทำผิดอีก 5 คน คือน.ส.เกร็ดดาวหรือแอน เกียไธสง และน.ส.วัชรีย์ภรณ์ หรือจำ ป้องขวาพล นั่งรถยนต์ฮอนด้ารุ่นซีวิค สีเทา ทะเบียน กจ8465 อ่างทอง ขับนำหน้าทำหน้าที่คอยดูต้นทาง นายสุวิทย์ มณฑก น.ส.อัมพรรัตน์ หรือพร ทับทอง ภรรยานายสุวิทย์ นายสราวุธ หรือเจม นาชัยเพชร ขับรถยนต์กระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สี่ประตูสีขาว ทะเบียน 7 กฆ6914 กทม. คันหลังสุด
เมื่อนายสุวิทย์เห็นว่ารถยนต์คันที่นายสายชลขับมาถูกเรียกตรวจค้น จึงรีบกลับมายังบ้านเช่าเลขที่99/27 ซ.คอเบียนตัส ถ.ผาดาด ม.3 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง และโทรหา น.ส.เกร็ดดาว ให้มานำยาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่ในบ้านเช่านำใส่ท้ายรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน หลบหนีมุ่งหน้าไปทางร้านอาหารเคียงเล ระหว่างที่เลี้ยวไปทางป้อมตำรวจเขานางหงษ์ยาบ้าที่อยู่ท้ายรถกระบะได้หล่นลงมาบนพื้นถนนเนื่องจากฝากระบะปิดไม่สนิท แต่นายสุวิทย์ไม่ได้จอดรถมาเก็บยาบ้าที่ตกลงบนพื้นถนนแต่อย่างใด จนกระทั่งมาถึงที่พักในร้านอาหารเคียงเล นายสุวิทย์จึงได้ให้ น.ส.เกร็ดดาว น.ส.วัชรีภรณ์ น.ส.อัมพรรัตน์ ขับรถยนต์เก๋งออกมาเก็บยาบ้าที่ทำหล่นไว้ จึงถูก จนท.ควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนนายสุวิทย์กับนายสราวุธ รออยู่ที่ห้องพักร้านอาหารเคียงเล และหลบหนีไปในขณะที่ จนท.สภ.เมืองระนอง,สภ.ปากน้ำระนอง ตชด.ที่415 และเจ้าหน้าที่ทหารเข้าปิดล้อมตรวจค้น สามารถยึดยาบ้าซึ่งอยู่หลังรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไว้ได้จำนวน 1,476,000 เม็ด และ จนท.ตร.สภ.ปากน้ำระนอง ตรวจยึดยาบ้าที่หล่นอยู่บนพื้นถนนได้อีก 581,400 เม็ด รวมของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด ยาบ้า 3,429,400 เม็ด โทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง รถยนต์จำนวน 3 คัน
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า การจับกุมเครือข่ายค้ายาบ้ารายใหญ่และยาบ้าจำนวนมากในครั้งนี้เป็นเพราะเครือข่ายค้ายาบ้าได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางการลำเลียงยาบ้าใหม่จากเดิมใช้ช่องทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นช่องทางหลักในการลำเลียงยาบ้าที่ผลิตจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในไทย แต่ถูก จนท.กดดันและสกัดกั้น ปราบปรามอย่างหนัก ทำให้เครือข่ายค้ายาบ้าหันมาใช้ช่องทางชายแดนด้าน จ.ระนองแทน ซึ่งต่อไปนี้ จนท.ทุกฝ่าย ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง จะต้องร่วมบูรณาการทำงานกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อสกัดกั้นการทะลักเข้ามาของยาบ้าโดยเฉพาะตามแนวพื้นที่ชายแดน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ข่าวน่าสนใจ:
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: