ระนองคึกคัก ดันแคมเปญ 7 วันหรรษา ฟื้นท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์
ท่องเที่ยว จ.ระนอง คึกคัก ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยกแคมเปญ 7 วันหรรษา “ระนองสดชื่น”ขับเคลื่อนสร้างรายได้ยอดเงินสะพัดกว่า 150 ล้านบาท
นางกรรณิการ์ เอี้ยวตระกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2565 จังหวัดระนอง ได้มีการรณรงค์แคมเปญ 7 วันหรรษา “ระนองสดชื่น”ยอดนักท่องเที่ยวที่จองเข้ามาท่องเที่ยวบลูโซนเกาะพยาม พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง นักท่องเที่ยวได้จองเที่ยวเรือสปีดโบ๊ท เพื่อเดินทางลงเกาะพยามจำนวน 15 เที่ยวต่อวัน ยอด 400 กว่าคน
ทำให้ในช่วง 7 วันมียอดนักท่องเที่ยวลงพื้นที่เกาะพยามกว่า 3,000 คน รายได้ประมาณ 33 ล้านบาท ทั้งในส่วนการให้บริการรถ เรือ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร รถเช่า ของผู้ประกอบการในพื้นที่เกาะพยาม และในส่วนภาพรวมของจังหวัดระนอง พื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลโซน 3 เกาะ (เกาะกำ เกาะค้างคาว เกาะญี่ปุ่น) ยังเป็นที่นิยม หรือจะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองระนอง สำหรับยอดการจองห้องพักที่มีกว่า 3,000 ห้อง ขณะนี้มียอดจองแล้วกว่า 80% ภาพรวมทั้งจังหวัดระนองมีเงินสะพัด 150 ล้านบาทในช่วงเทศกาล
ประกอบกับที่ผ่านมาการให้บริการ 2 สายการบิน คือ Nok Air และ Air Asia ยังไม่ยกเลิกบริการ มีแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์คึกคัก ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวมีรายได้และเศรษฐกิจเดินหน้าได้ดี โดยความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกช ในการอำนวยความสะดวกในทุกด้าน ผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก มัคคุเทศก์ มีการเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว
โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก และพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ตามนโยบายของนายสมเกียรติ ศรีษะเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ที่จะเปิดบ้านเปิดเมืองเปิดการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังได้ฝากแคมเปญ “ระนองสดชื่น”ผ่านกิจกรรมการจัดงาน Khao Ya Fest.ระหว่างวันที่ 14-16 เม.ย.65 เวลา 16.00-21.00 น. ณ บริเวณภูเขาหญ้า จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานชุมพร-ระนอง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ ให้กับจังหวัดระนอง
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดระนอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจังหวัดระนอง และเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเกาะพยามซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องการที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว
ซึ่งต้องเดินทางสัญจรทางน้ำ ดังนั้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐด้านความปลอดภัยทางน้ำของนักท่องเที่ยว โดยเพิ่มมาตรการเข้มข้นสำหรับผู้ประกอบการทางน้ำ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว
