พ่อโจ๋ระนองขอบคุณตำรวจรวบคนร้ายยิงลูกตายหน้าผับ
ระนอง-นายพรศักดิ์ แซ่อ๋อง บิดาของนายเทพฤทธิ์ แซ่อ๋อง อายุ 35 ปี ซึ่งถูกเทรนเนอร์ค่ายมวยชื่อดังพัทยายิงเสียชีวิตบริเวณหน้าผับชื่อดังใน จ.ระนอง เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค. 2561 กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้พยายามทุกวิธีเพื่อเร่งรัดให้ จนท.ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว แม้กระทั่งการไม่ยอมเผาศพเป็นเวลา 1 เดือน แต่ที่ผ่านมาก็ไร้วี่แววจนท้อใจ และสุดท้ายตัดสินใจเผาศพลูก และพยายามทำใจและใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ แต่ในใจก็พยายามภาวนาว่าให้ ตร.สามารถติดตามจับกุมคนร้ายที่จิตใจโหดเหี้ยม เป็นภัยต่อสังคมมาลงโทษให้ได้เพราะว่าหากปล่อยไว้ก็จะไปก่อกรรมเวรกับคนอื่นๆอีก สุดท้ายเมื่อทราบข่าวว่า ตร.รวบตัวมือปืนที่ก่อเหตุได้ก็ดีใจมากและอยากขอบคุณ ตร.ทุกคนที่ช่วยกันติดตามและแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ จนท.สร้างความมั่นใจและเชื่อถือแก่ประชาชนอีกครั้ง ส่วนผู้ที่หลบหนีอยู่คาดว่าคงอีกไม่นานก็จะจับกุมได้ หรือไม่กรรมเวรคงจะตามสนองชีวิตไม่สงบสุขแน่นอน ตนอยากจะบอกบุตรชายว่าขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี หรือจะมีโอกาสก็ขอให้มาเกิดเป็นลูกพ่ออีก ตอนนี้ จนท.จัดการกับคนชั่วแล้วไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีก
สำหรับคดียิงที่หน้าผับชื่อดัง จ.ระนองเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 22ก.ค.61 เมื่อเวลา 01.30น. พ.ต.ต.วีรพนธ์ ชัยอุดม ร้อยเวรพนักงานสอบสวน สภ.เมือง ระนอง ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่บริเวณหน้าผับดังกลางเมืองระนองแห่งหนึ่งย่านถนนเรืองราษฎร์ ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง จึงรุดไปตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บนอนฟุบจมกองเลือดอยู่ริมฟุตบาทหน้าผับชื่อดัง ทราบชื่อว่า นายเทพฤทธิ์ แซ่อ๋อง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่2/17 ถ.ชาติเฉลิม ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง ในสภาพสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์สีดำ ถูกยิงด้วยอาวุธปืน ชนิด 9 มม.เข้าที่บริเวณศีรษะ 1นัด อาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบโทรทัศน์วงจรปิดในที่เกิดเหตุ พบว่าผู้ตายถูกกลุ่มเทรนเนอร์ค่ายมวยชื่อดังจากพัทยาที่เมาและอาละวาดยิงตายอย่างโหดเหี้ยม ทั้งที่ผู้ตายพยายามที่จะเข้าไปห้ามปราม
พล.ต.ต.หัสชัย เรืองมาลัย ผบก.ภ.จว.ระนอง ได้เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีเพื่อหาแนวทางการไล่ล่าตัวกลุ่มนักมวยมือปืน โดยได้ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 2 ราย และทราบว่าทั้งคู่ได้หนีข้ามจังหวัดไปแล้วด้วย เพื่อไปขอพึ่งใบบุญผู้มีอิทธิพลในการหลบซ่อนกบดาน ซึ่งตำรวจต้องแบ่งกำลังทำงานหลายชุด ชุดหนึ่งไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในการหาทะเบียนรถที่หลบหนี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2561 ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สนับสนุน บก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายเกรียงศักดิ์ ถิรไชย หรือศักดิ์ ผาสุก อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดระนอง ที่ 74/2561 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ยิงปืนในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะวัยรุ่นเสียชีวิตหน้าสถานบันเทิงใน จ.ระนอง ได้ภายในวัดพ่อตาหินช้าง จ.ชุมพร
นอกจากนี้ ได้จับกุมนายวินัย ทองบาง อายุ 27 ปี อยู่ที่ 127 ม.8 ต.พันลาน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์, นายยศธร ถิรไชย อายุ 40 ปี อยู่ที่ 121 ถ.นิพัทธ์ภักดี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา, นางชนิกา ถิรไชย อายุ 32 ปี อยู่ที่ 121 ถ.นิพัทธ์ภักดี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ น.ส.อุมาพร ชัยกายุทธ อายุ 27 ปี อยู่ที่ 121 ถ.นิพัทธ์ภักดี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในข้อหาร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้น ด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม โดยสามารถจับกุมได้ขณะขับรถยนต์ผ่านด่านตรวจบ้านพละ หมู่ 3 ต.เขาไชยราช อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังร่วมกันพา นายเกรียงศักดิ์ หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่
พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากนายเกรียงศักดิ์และพวก ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงนายเทพฤทธิ์ แซ่อ๋อง หรือ “แจ๊ค สะพานยูง” อายุ 35 ปี เสียชีวิตที่บริเวณหน้าสถานบันเทิงซี้ดผับ ถ.เรืองราษฎร์ ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งรัดติดตามผู้ก่อเหตุได้ 3 ราย และยังหลบหนีอยู่ 3 ราย คือ นายเกรียงศักดิ์ ถิรไชย, นายภูมิพรรดิ์ หรือเป้ ชาติประนอมไชย และนายไพบูลย์ บริสุทธิ์ ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ บก.ป.ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาให้ได้โดยเร็ว
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวต่อว่า จากนั้น ผบก.ป.ได้สั่งการให้ กก.สนับสนุน ร่วมกับ กก.1-กก.6 บก.ป.บูรณาการในการสืบสวนติดตามผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ จนเมื่อประมาณกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป.สืบทราบมาว่าหลังจากเกิดเหตุนายเกรียงศักดิ์กับพวกได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่ค่ายมวยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย และได้หลบหนีออกนอกประเทศจากการช่วยเหลือของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. จึงได้ทำการประสานงานหน่วยงานระหว่างประเทศ ขอความช่วยเหลือให้ติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีในประเทศไทย ต่อมาตำรวจ บก.ป.รับแจ้งจากหน่วยงานระหว่างประเทศว่านายเกรียงศักดิ์หลบหนีกลับเข้ามายังประเทศไทย โดยการช่วยเหลือของนางอุมาพร แฟนสาวนายเกรียงศักดิ์ นายยศธร และนางชนิกา ญาติของนายเกรียงศักดิ์
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวอีกว่า จากนั้นจึงได้ทำการสืบสวนติดตาม กระทั่งทราบว่าได้มาพักอาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านทุ่งสองห้อง จากการช่วยเหลือของนายวินัย ต่อมาเมื่อคืนวันที่ 3 ธ.ค. 61 ตำรวจ บก.ป.ได้ทำการปิดล้อมพื้นที่เพื่อหาตัวนายเกรียงศักดิ์ แต่นายเกรียงศักดิ์กับพวกไหวตัวทันหลบหนีการจับกุมไปได้ จากนั้นได้ขยายผลจนทราบรถยนต์ที่ใช้หลบหนีพร้อมเส้นทางว่ามีการเดินทางลงใต้จึงประสานข้อมูลไปยังตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้ช่วยเฝ้าติดตาม จนกระทั่งวานนี้พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มนายเกรียงศักดิ์ โดยสกัดจับนายยศธร และนางชนิกาได้ที่บริเวณพื้นที่ สภ.บ้านมาบอำมฤต จ.ชุมพร และจับกุมนายเกรียงศักดิ์ และ น.ส.อุมาพร ได้ภายในวัดพ่อตาหินช้าง จ.ชุมพร จึงควบคุมตัวนายเกรียงศักดิ์และพวกไปสอบสวน ขณะจับตัวนายเกรียงศักดิ์ไม่ได้มีการอำพรางตัวตามที่ปรากฏเป็นข่าว
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนนายเกรียงศักดิ์ให้การว่า ในคืนเกิดเหตุผู้ต้องหากับนายเป้และพวกได้เดินทางไปร่วมงานศพในจังหวัดระนอง จากนั้นก็ไปเที่ยวต่อกันที่สถานบันเทิงดังกล่าว กระทั่งมีปากเสียงกับกลุ่มผู้ตายจนเกิดการทะเลาะวิวาท สาเหตุมาจากเปิดเพลงจากเครื่องเสียงรถยนต์ส่งเสียงดังจนชาวบ้านรำคาญ โดยกลุ่มผู้ตายได้เข้าไปตักเตือนเป็นเหตุให้กลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจ จากนั้นนายเกรียงศักดิ์จึงได้นำอาวุธปืนที่ติดตัวมายิงขึ้นฟ้าจนหมดแม็ก เป็นจังหวะเดียวกับที่นายเป้ได้นำปืนอีกกระบอกมายิงใส่นายเทพฤทธิ์ แซ่อ๋อง เสียชีวิต หลังก่อเหตุได้หลบความผิดไปกบดานในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ผ่านการช่วยเหลือของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หลังจากนี้จะขยายผลผู้ที่ให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่ผู้ต้องหาในการหลบหนี รวมทั้งให้แหล่งที่พักพิง อีกทั้งอยู่ระหว่างการเร่งรัดจับกุมนายเป้ ที่ยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่รอยต่อประเทศเพื่อนบ้านต่อไป
มีรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายเป้ และนายเกรียงศักดิ์ ถือเป็นบุคคลอันตราย มีหมายจับติดตัวหลายคดี โดยทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่ตอนถูกจำคุกภายในเรือนจำจังหวัดสงขลา ซึ่งนายเกรียงศักดิ์และนายเป้ถูกดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่น ถูกดำเนินคดี 10 ปี หลังพ้นโทษได้มาร่วมกลุ่มกันก่อเหตุหลายครั้ง โดยนายเกรียงศักดิ์มีหมายจับติดตัว 10 หมายจับ ในคดีฆ่าผู้อื่น ยาเสพติด ปล้นทรัพย์ รวมทั้งทำร้ายร่างกาย เช่นเดียวกับนายเป้ที่มี 14 หมายจับ ในคดีลักษณะเดียวกัน นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่านายเกรียงศักดิ์เคยก่อเหตุขับรถไล่ยิงอ้วน เซียนตึ้ง นักเลงคู่อริชื่อดังกลางเมืองหาดใหญ่ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากมีการท้าทายกันผ่านทางเฟซบุ๊ก
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ตำรวจ บก.ป.ได้นำตัวนายวินัยไปฟ้องต่อศาลอาญา รัชดาภิเษกแล้ว ในข้อหาร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม โดยศาลได้พิพากษาลงโทษนายวินัยให้จำคุก 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ต้องหาที่กระทำความผิดอย่างร้ายแรงให้พ้นจากการถูกจับกุมและถูกลงโทษ ในส่วนของผู้ต้องหาที่เหลือ อยู่ระหว่างการขยายผลหาความเชื่อมโยง และจะมีการส่งฟ้องต่อศาลต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: