จตุพร นำพรรคเพื่อชาติ ลงระนองแจงชาวบ้านไม่เลือกตัวการทำเศรษฐกิจพัง
ระนอง—นายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมด้วยนายสงคราม กิจไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่ จ.ระนอง พบปะประชาชนเพื่อหยั่งฐานเสียง พร้อมชี้แจงแนวทางพรรคเพื่อให้แกนนำช่วยกระจายอุดมการณ์และแนวทางพรรคเพื่อขยายกลุ่มสนับสนุนให้กว้างขึ้น พร้อมแจงชาวบ้าน เผด็จการทหารตัวการทำเศรษฐกิจพัง
ระนอง—จตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมด้วยนายสงคราม กิจไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฏร นายอารีย์ ไกรธนา นายไชยวัฒน์ ไกรฤกษ์ ดร.วิโชติ วรรณโณ ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ เดินทางลงพื้นที่ จ.ระนอง โดยในเวลา 09.30 น.ได้เดินทางมายังโรงแรมระนองการ์เดน ตั้งอยู่ ม.1 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง เพื่อพบปะกับสมาชิกพรรคเพื่อชาติใน จ.ระนอง และประชาชนที่สนใจจำนวน 100 คน
โดยก่อนที่ตัวแทนพรรคจะเดินทางมาถึง ทางพรรคได้ส่งว่าที่ ร.ต.มนตรี เฉียบแหลม กรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ ในฐานะผู้เป็นพี่เลี้ยงในการเลือกประธานตัวแทนพรรคเพื่อชาติประจำจังหวัดระนองมาดำเนินการเลือกตัวแทนคณะกรรมการพรรคเพื่อชาติ จ.ระนอง เพื่อทำหน้าที่สรรหาผู้ที่จะลงสมัคร ส.ส.เพื่อรับเลือกตั้งต่อไป ซึ่งผลการเลือกตั้งคณะกรรมการพรรคเพื่อชาติจังหวัดระนอง นายภาราดร รัตนาพร ได้รับคำแนนสูงสุดเป็นประธานคณะกรรมการพรรคเพื่อชาติ จ.ระนอง ทำหน้าที่เสนอรายชื่อผู้ลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่ จ.ระนอง ต่อพรรคต่อไป
นายสงคราม กิจไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ในอดีตตอนตนยังประกอบอาชีพค้าขาย เคยเดินทางมายังภาคใต้เพื่อขายสินค้า พบว่าภาคใต้มีความเจริญมาก ประชาชนมีฐานะดี เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวคึกคัก แต่ปัจจุบันทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปหมด ภาคใต้กลายเป็นภาคที่ยากจนที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตรที่ตกต่ำ ยกตัวอย่างเฉพาะพืชเกษตรที่สำคัญของภาคใต้ เช่น ปาล์มน้ำมัน ที่ในอดีตราคาปาล์มน้ำมัน กก.ละ 8-12 บาท แต่ปัจจุบันราคาเหลือเพียง กก.ละ 1-2 บาท เป็นเพราะอะไรนั้นคือรัฐบาลยุคปัจจุบันที่มุ่งแต่ช่วยคนรวย ช่วยนายจ้างเจ้าของโรงงานที่มีไม่กี่ราย แต่รัฐบาลกลับอนุญาตให้นำเข้าปาล์มน้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้านได้เพื่อให้โรงงานมีกำไร ส่งผลราคาปาล์มน้ำมันในประเทศตกต่ำ การแก้ไขทำได้ไม่ยากเพียงแต่ลดหรือยกเลิกการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศก็ทำให้ราคาผลผลิตปาล์มในประเทศเพิ่มขึ้นทันที ส่วนมะพร้าวก็เช่นกันปัจจุบันรัฐบาลช่วยแต่โรงงานใหญ่ที่อนุญาตให้มีการนำเข้ามะพร้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ส่งผลกระทบต่อราคามะพร้าวในประเทศ และจากนโยบายดังกล่าวปรากฏว่าปัจจุบันนี้ได้สร้างความเหลื่อมล้ำให้กับสังคมไทยเป็นอย่างมาก คนรวยก็จะรวยมากขึ้นๆ คนจนก็จะจนลงทุกวัน เนื่องจากช่องทางการประกอบอาชีพถูกคนรวยครอบงำหมดแล้ว ซึ่งพรรคเพื่อชาติอุดมการณ์ของการรวมตัวกันเพื่อเป็นพรรคของทุกฝ่ายที่จะมานั่งคุยกันเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาของชาติไม่ใช่แก้ไขให้นายทุน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า ตนเป็นคนใต้ ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กๆ คิดว่าภาคใต้เจริญที่สุด แต่เมื่อเติบโตขึ้นมีโอกาสเดินทางไปยังภาคอื่นๆ กลับทราบความจริงว่าภาคใต้ล้าหลังที่สุด ล้าหลังในทุกๆเรื่อง ในทุกๆ ด้าน ทั้งการพัฒนา ถนนหนทาง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน หรือแม้กระทั่งโครงการลงทุนใหญ่ๆต่างๆ ที่แทบจะไม่เกิดขึ้นในภาคใต้ ที่ผ่านมาคนใต้มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นเพราะผลผลิตทางการเกษตร และทรัพยากรรมสัตว์น้ำ ทรัพยากร ธรรมชาติที่มีมาก แต่ปัจจุบันสิ่งทั้งหมดนี้กลับร่อยหรอลดลง ทุกอย่างไม่เหมือนก่อน ประกอบกับการปกครองประเทศของผู้มีอำนาจมุ่งที่จะแก้ไขปัญหาให้กับคนรวยเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้เกิดความทุกข์แก่ประชาชน ความล้าหลังจึงเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้อย่างชัดเจน และภาคอื่นๆ ดังนั้นพรรคเพื่อชาติมองว่าประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะเป็นทางออกในทุกๆปัญหา เมื่อตัวแทนมาจากประชาชนโดยตรง การแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดก็จะเกิดขึ้น แต่การเข้ามาควบคุมอำนาจนอกจากตนเองจะรักษาอำนาจแล้วยังเน้นการช่วยเหลือกลุ่มนายทุน ชนชั้นสูงเป็นหลัก ทำให้ประชาชนรากหญ้าต้องเดือดร้อนอย่างทุกข์แสนสาหัสเช่นทุกวันนี้ ดังนั้นจึงฝากประชาชนว่า วันที่ 24 ก.พ.2562 หากมีการเลือกตั้ง ในการเดินเข้าไปในคูหาเลือกตั้งให้พี่น้องประชาชนคิดพิจารณาก่อนว่าพรรคที่ตนเองจะเลือกนั้นเป็นพรรคที่อยู่ฝ่ายใดระหว่างสนับสนุนเผด็จการ หรือสนับสนุนประชาธิปไตย หากพี่น้องเลือกผิดความลำบากยากจนก็จะมีต่อไปอีก 10 ปี 20 ปี ดังนั้นถึงตอนนี้เราอย่าให้มรดกบาปนี้ตกแก่ลูกหลานของเราอีกต่อไป
