คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการ Land Bridge เปิดเวทีสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนและภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดระนอง
(7ม.ค.67) ที่ห้องประชุมรัตนรังสรรค์ ศาลากลางจังหวัดระนอง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ สส.ระนอง และที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ และคณะ เปิดเวทีในการสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน และตัวแทนภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดระนอง เรื่องการสร้างงาน สร้างอาชีพ ในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ (Mega Project) มุมมองของคนพื้นที่ โดยมีนายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วย นายราชัน มีน้อย ว่าที่ร้อยตรีกิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั้งชาวระนองและใกล้เคียง เข้าร่วมสัมมนา
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการ Land Bridge ได้ลงพื้นที่หมู่ที่ 7 บ้านห้วยปริง ตำบลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เพื่อรับฟังปัญหาความต้องการข้อกังวลของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และลงพื้นที่บริเวรอ่าวอ่าง ซึ่งคาดว่าจะเป็นพื้นที่ในการก่อสร้าง และการสัมมนาในครั้งนี้
โดยประชาชนชาวระนอง ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า สนับสนุนโครงการ Land Bridge เนื่องจากมองเห็นการพัฒนาสร้างความเจริญของประเทศเป็นอย่างดี และเป็นการคำนึงถึงภาพรวมในระดับประเทศที่จะสนับสนุนให้อนาคตของลูกหลานและคนในพื้นที่มีอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้หลากหลายมากขึ้น หากแต่อยากให้ศึกษาข้อมูล และความต้องการ ความช่วยเหลือประชาชน ในมิติต่างๆ เรื่องของการกัดทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ซึ่งหากมีการขุดท่าเรือน้ำลึกและเป็นแหล่งประมงพื้นบ้าน จะสร้างความเสียหายจนทำลายอาชีพดั้งเดิมหรือไม่ อีกทั้งปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง จะมีการวางมาตรการป้องกันอย่างไร และ ในส่วนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่จะเกิดขึ้น มีระบบที่สามารถป้องกันความเสียหาย การรั่วไหล หรือมีมาตรการในการป้องกันดูแลอย่างไร
ในการนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการ Land Bridge ได้รับฟังความคิดเห็นและจะนำไปเป็นข้อมูลรวบรวมต่อไป และได้ชี้แจงในเบื้องต้น เกี่ยนวกับการกัดเซาะชายฝั่ง โดยเทคโนโลยีที่จะมาขุดร่องน้ำลึก เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในระดับสากล ทั่วโลก การป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งก็ได้มีการวางแนวทางไว้ด้วยแล้ว ในส่วนของอาชีพประมงพื้นบ้านสามารถทำได้เป็นไปตามปกติ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้าง แต่ก็ยังสามารถทำได้ ในส่วนของท่อนำส่งปิโตรเคมี ก็มีระบบที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้เรื่องปิโตรเคมีเป็นสิ่งที่จำเป็นเนื่องจากในอนาคต ต้องมีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อการอุปโภค บริโภค และเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับการวางแนวท่อโดยการศึกษาที่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
