เลย สนามเลือกตั้งเมืองเลยปี 2562 ผู้สมัครพลังประชารัฐยกทีมที่ลาออกจากพรรคเพื่อไทย อาสาลงแบบเบ่งเขต จ.เลย ขอเข้าสภาแบบยกทีมเป็นสมัยที่ 3 ซ้อน ชูนโยบายสวัสดิการแก่ประชาชนเป็นตัวชี้วัด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 11 ก.พ.62 นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อายุ 61 ปี ส.ส. 13 สมัยมากที่สุดของ จ.เลย และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต เขต 3 จ.เลย พรรคพลังประชารัฐ เคยเป็นหัวหน้าทีมเพื่อไทยนำลูกทีมเข้าสภาพแบบยกทีมมาแล้ว 2 สมัยซ้อน เปิดเผยว่า การย้ายพรรคครั้งนี้มีเหตุและผลเหมาะสมหลายด้าน กับการที่ต้องมาสู้กับคู่แข่งที่ใหม่ สด หนุ่มและมีผู้ให้การสนับสนุนที่แข็งมากนั้น ตอบได้เลยว่าตนลงแข่งทุกครั้งหนักทุกครั้งแต่ก็ผ่านได้ในที่สุด ไม่มีเบาแม้แต่ครั้งเดียว แต่ตนมีความตั้งใจมุ่งมั่นสูงด้วยการสู้แบบไม่ย่อท้อ เพราะว่าเจ้านายของตนคือ ประชาชน
ตลอดกว่า 30 ปี บนถนนการเมืองที่มีแต่ความถูกต้อง ส่วนปัญหาการหาเสียงหรือสิ่งต่างๆครั้งนี้ยังไม่มีและสิ่งที่ตนโชคดีคือทางพรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญให้เข้าร่วมเป็นผู้กำหนดนโยบายพรรคฯเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติ ประกอบกับความต้องการของประชาชนชาวจังหวัดเลย ก็ตรงตามนโยบายพรรคฯอีกด้วย ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเสียงตอบรับจำนวนมาก ด้วยดีเป็นที่พอใจของประชาชน และจะเพิ่มเติมที่ตกหล่นให้อีก ให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้านและครัวเรือน และปัญหาเรื่องที่ดินทำกินพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมก็จะให้มีสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย ส.ป.ก.จะแก้ไขให้มีสิทธิเหมือนโฉนด แต่ห้ามขาย สามารถโอนให้ลูก หลาน ญาติได้
ส่วนการแก้ปัญหาราคาผลิตทางการเกษตรทั้ง ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา ส่วนอ้อย ก็จะหาวิธีใช้เงินกองทุนอ้อยและน้ำตาล มาดำเนินการในกรณีราคาตกต่ำด้วย จึงชูนโยบายเรื่องบัตรสวัสดิการคนจน การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ และเกษตรประชารัฐ โดยจะมีการวางระบบการทำการเกษตรใหม่ตั้งแต่ระบบการผลิต การพัฒนาคุณภาพและการตลาด เพื่อแก้ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ตลอดจนผลงานของรัฐบาลในการพัฒนาการคมนาคมขนส่ง การสร้างรถไฟทางคู่ และการสร้างรถไฟความเร็วสูง จากการลงพื้นที่ของผู้สมัครทั้ง 3 เขตของพรรคพลังประชาชน จ.เลย พบว่ามีผลออกมาว่าประชาชนชอบที่ตัวบุคคลและชอบพรรคฯ และการปฏิบัติงานการทำหน้าที่การบริการรับใช้ประชาชนที่ผ่านมา ที่คบง่าย ใช้คล่อง ว่องไว แล้ว จากปัจจัยดังกล่าวจึงมั่นใจว่าจะทีมพลังประชารัฐเข้าสภาแบบยกทีมเป็นสมัยที่ 3 ซ้อน นายปรีชาฯกล่าวในที่สุด
