จังหวัดน่าน แจงปมอยากทราบจุดประสงค์ต้องการสิ่งใด ลากยาวสาวไปถึงเยียวยาห้าพัน หลังเจอดราม่า อ้างใจดำไม่ยอมให้เผาศพน้อง ต้องเหมารถข้ามจังหวัด ไปเผาไปชื่นชมวัดเผาศพฟรี เตรียมปรึกษาฝ่ายกฎหมายเอาผิด หลังพบพิรุธหลายอย่าง ปมเกิดจากตัวบุคคล หรือคนทั้งจังหวัด ควรระบุชี้ชัดอย่าเหมารวม
ข่าววันนี้ น่าน วันที่ 18 เมษายน 2563 จากหนังสือพิมพ์สยามรัฐออนไลน์ได้เผยแพร่ข่าว ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง กรณีตามข่าวที่นำเสนอว่าผ่านแพลตฟอล์มข่าว เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 เวลา 19.41 น. พาดหัวข้อข่าวว่า
“สุดช้ำชาวบ้านกลัวไม่รับเผาศพน้องชาย หวั่นตายจากโควิด-19 ต้องขนร่างจากเหนือมาเผาฟรีวัดไผ่ล้อม” เนื้อหาบางส่วนว่า “พี่สาวพร้อมญาติ เผยสุดช้ำน้องชายเสียชีวิตจังหวัดน่าน จะเดินทางไปรับศพเจ้าหน้าที่บอกต้องกักตัว 14 วันก่อนรับศพได้ แต่โรงพยาบาลบอกเก็บได้แค่ 5 วัน ติดต่อวัดในพื้นที่เพื่อเผาตามพิธีแต่ถูกเจ้าอาวาสปฏิเสธ บอกชาวบ้านไม่ให้เผา
เหตุอาจกลัวว่าตายเพราะติดเชื้อโควิด-19 พยายามติดต่อวัดดังจังหวัดนครปฐม โดนปฏิเสธซ้ำ แบบไร้เหตุผล ตัดใจทั้งกู้ทั้งยืม เช่ารถพร้อมซื้อโลงแบกข้ามหลายจังหวัดจากน่าน สู่นครปฐม กลับมาขอพึ่งใบบุญวัดไผ่ล้อมเผาฟรี พ้อชีวิตรันทดไร้เงินเก็บกลายเป็นคนอีกชนชั้น ญาติลงทะเบียนเยียวรับ 5 พัน เป็นแท็กซี่แต่ถูกปฏิเสธเป็นเกษตรกร”
และมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนกล่าวพลาดพิงถึงหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ในความหมายที่สื่อไปในทางที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่า คนจังหวัดน่าน กลัวโรคโควิด-19 จนไร้มนุษยธรรม จนเกิดกระแสตำหนิจากสังคมว่าเหตุใดคนเมืองน่านถึงใจดำ โดยปรากฏข้อความบางส่วนว่า นายศิริชัย หรือนาย เป็นน้องชายแท้ๆ ของผู้ให้ข่าวได้เสียชีวิตเมื่อ 13 เมษายนที่ผ่านมา ที่ รพ.น่าน
ซึ่งป่วยด้วยอาการ มีไข้ตัวสั่น และล้มไม่ได้สติที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองน่านและเพื่อนบ้าน ได้แจ้งรถพยาบาลรับไปตั้งแต่ 27 มีนาคม หลังเริ่มป่วยมาตั้งแต่ 24 มีนาคมจนหมดสติ ฟื้นรับรู้บ้างตั้งแต่เข้ารักษา โดยเมื่อ 11 เมษายน แพทย์ผู้รักษาได้โทรมาบอกว่า อาการนายศิริชัยทรุดหนัก ซึ่งตนบอกกลับไปว่า ไม่ต้องยื้อเพราะได้สั่งลากันแล้วทางก่อนหน้า
นางจิราพร บอกต่อว่าหลังทราบว่าน้องหมดสติไปเมื่อ 11 เมษายน ก็ทราบแน่แล้วว่าจะไม่รอด ได้พยามยามจะติดต่อขอไปรับศพน้องชาย ทางเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลน่าน บอกกลับมาว่า ตนเองจะเดินทางมาก็ได้แต่ต้องมีการกักตัว 14 วัน โดยมีสถานที่และจัดอาหารไว้ให้พร้อม
ก่อนที่จะเข้ามาในพื้นที่ของจังหวัดน่านได้ เพราะยังไม่มีผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งตนเองไม่สามารถไปได้เพราะเงินไม่มี และไม่มีงานหลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทั่งน้องชายได้เสียชีวิต ก็ได้ประสานขอให้รถโรงพยาบาลมาศพมาส่งที่จังหวัดนครปฐมเพราะญาติอยู่ที่นี่ทั้งหมด
จากนั้นจะขอนำศพไปเผา ที่สำนักสงฆ์ในหมู่บ้านนาท้อ ต.บ้านสะเนียน อ.เมือง จ.น่าน ได้โทรศัพท์ปรึกษากับเจ้าอาวาส ได้รับการปฏิเสธมาว่าไม่รับโดยให้เหตุผลว่า ชาวบ้านไม่ให้เผา ซึ่งได้อธิบายว่าไม่ได้ตายจากโควิดรับรองโดย รพ.น่าน แพทย์ พยาบาล พร้อมจะยืนยันว่าตายเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด ตนเองคิดว่าอาการที่ป่วยนั้นทำให้ชาวบ้านวิตกและลือกันไปต่างๆ นานา
ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน โดยเริ่มจากการติดต่อขอรับศพ ระเบียบปฏิบัติของทางราชการระบุชัด ต้องเป็นญาติสายตรงมาดำเนินการด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถดำเนินการทางโทรศัพท์ตามที่กล่าวอ้างได้ หากจะนำศพไปส่งถึงจังหวัดนครปฐมได้ตามที่กล่าวอ้างทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้
แล้วญาติผู้เสียชีวิตแจ้งว่าจะไปติดต่อของรับศพ แต่จะถูกกักตัว 14 วัน ตามประกาศมาตรการควบคุมโรคโดยจังหวัดน่าน แต่ในกรณีนี้มีระบุชัดในคำสั่งว่าสามารถเข้ามาได้แต่ไม่อนุญาติให้พักค้างคืน จึงอยากสอบถามว่า กรณีดังกล่าวที่ว่าติดต่อขอรับศพ แต่อ้างว่าจะต้องกักตัว 14 วัน
แล้วแจ้งต่อในตอนท้ายว่าตนเองไม่สามารถไปได้เพราะเงินไม่มี และไม่มีงานหลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทั่งน้องชายได้เสียชีวิต แสดงข้อพิรุธว่าไม่มีความตั้งใจจะเดินทางมารับศพตั้งแต่ต้น เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันจึงไม่ได้เตรียมการรองรับเรื่องงบประมาณ ควรออกมีชี้แจงถึงจุดประสงค์ที่แน่ชัด
ทั้งนี้ ทางผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามข้อมูลตามกล่าวอ้างว่า จะขอให้นำศพน้องชายไปเผาที่สำนักสงฆ์ ในหมู่บ้านนาท้อ ต.บ้านสะเนียน อ.เมือง จ.น่าน ซึ่งได้โทรศัพท์ไปปรึกษากับเจ้าอาวาส ก็ได้รับการปฏิเสธมาว่า ไม่รับโดยให้เหตุผลว่า ชาวบ้านไม่ให้เผา
จากการลงพื้นที่ ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน จากการสอบถามข้อมูลได้ข้อมูลมาว่า ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน ไม่มีหมู่บ้านชื่อว่าบ้านนาท้อ หลายคนให้ข้อคิดเห็นว่า อาจหมายถึงบ้านนาท่อ หรือเปล่าซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่ที่ตำบลสะเนียน แต่เป็นบ้านนาท่อ ตำบลไชยสถาน ที่มีสำนักสงฆ์ติดกับป่าสุสาน
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ บ้านนาท่อ ตำบลไชยสถาน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ได้ลงหาข้อมูลจากการสอบถามเจ้าอาวาสวัด ว่าช่วงวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากใครหรือผู้ใดหรือไม่ เรื่องขอนำศพมาทำการเผาที่สุสานนาท่อ ท่านเจ้าอาวาสได้ให้คำตอบว่า ไม่มีใครมาติดต่อ จึงนำข่าวให้ท่านอ่านและได้คำตอบว่า
ในกรณีนี้หากมีการติดต่อมา คงให้ติดต่อไปที่ผู้ใหญ่บ้านเพราะสุสานไม่ได้อยู่ในการดูแลของวัด แต่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงมีคณะกรรมการคอยดูแล แต่หากเป็นจริง ก็มีสุสานของวัดสวนตาล ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ที่อนุญาตให้ศพที่มีถิ่นที่อยู่อื่น ประกอบพิธีได้ และได้รับการปฏิเสธจากเจ้าอาวาสว่า ไม่เคยได้รับการติดต่อจากผู้ใดในกรณีเผาศพ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษา ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามข้อมูลเรื่องสำนักสงฆ์ ได้คำตอบว่า มีอยู่แห่งหนึ่งอยู่ติดกับป่าสุสาน
จึงติดต่อประสานงานผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นคณะกรรมการป่าสุสานบ้านนาท่อ ร่วมลงพื้นที่หาข้อมูลเนื่องจากเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก จากการให้ข้อมูลของผู้ใหญ่บ้านให้ข้อมูลว่า ป่าสุสานใช้ประโยขน์ร่วมกันหลายหมู่บ้าน และมีกฎระเบียบและข้อห้ามเดิมอยู่แล้วว่า หากไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร์
หรือมีความเกี่ยวพันตามผู้สืบสันดานในทางกฎหมายของผู้ที่มีชื่อทะเบียนราษฎร์ ไม่อนุญาตอยู่แล้ว และในทางกฎหมายก็จะเผาศพไม่ได้หากไม่ใช่ญาติอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมแล้วมาเผาทำลายศพ แต่ในกรณีดังกล่าวไม่เคยมีการติดต่อจากผู้ใด
จนมาทราบเรื่องจากการมาขอข้อมูลจากสื่อมวลชนเมื่อวานก่อนหน้านี้ หากมีการติดต่อ ตนก็จะแนะนำตามนี้ และจะให้ติดต่อสุสานวัดสวนตาล ที่อนุญาตให้จัดการพิธีศพที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ จากนั้นหาข้อมูลเรื่องที่กล่าวอ้างว่า ได้ติดต่อเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์
ในพื้นที่มีอยู่แห่งเดียวคือ สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับป่าช้า ได้ความว่า ไม่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษานานแล้วจึงเดินทางตรวจสอบพบประตูล็อกอยู่ ทราบว่าสำนักสงฆ์ดังกล่าวไม่มีภิกษุอยู่จำพรรษา เนื่องจากเดินทางออกไปต่างจังหวัดนานแล้ว มีเพียงคนงานที่คอยดูแลอยู่ และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เป็นสำนักสงฆ์
จึงไม่ทราบว่าที่กล่าวอ้างมาว่าติดต่อเจ้าอาวาสองค์ใด รูปใด พื้นที่ใด กันแน่ จึงสอบถามผู้ใหญ่บ้านว่า นอกจากวัดและสำนักสงฆ์ทั้งสองแห่งแล้วยังมี ที่ไหนอีกไหมเพื่อจะได้ข้อมูลทั้งหมด ได้รับแจ้งว่า มีหลวงตารูปหนึ่งปฏิบัติตนปลีกวิเวกอยู่ในป่ามาหลายปีแล้ว จึงร่วมกับผู้ใหญ่บ้านเดินทางเข้าไปสอบถาม
ได้ความว่า ปลีกวิเวกอยู่บริเวณป่าตรงนี้นานแล้ว จึงสอบถามหลวงพ่อ ว่าได้รับการติดต่อจากใครหรือไม่ว่าขอนำศพมาทำพิธี ได้รับคำตอบว่า หลวงพ่อปลีกวิเวกไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอย่างนี้ จึงสอบถามถึงโทรศัพท์ว่าหลวงพ่อใช้สำหรับติดต่อมีหรือไม่ ได้รับคำตอบว่ามีแต่ยังใช้ไม่ค่อยเป็น พึ่งมีญาติโยมนำมาให้ใช้
และได้รับการปฏิเสธจากหลวงพ่อว่าไม่เคยมีใครติดต่อขอนำศพมาทำพิธีศพ จึงขออนุญาตดูข้อมูลการโทรจะได้คลายข้อสงสัยไม่ให้ใครเข้ามารบกวนการปลีกวิเวกหลวงพ่ออีก หลวงพ่อเข้าใจในเจตนาและอนุญาต จากการดูข้อมูลการโทรก็ไม่พบการโทรในช่วงวันเวลาดังกล่าว จึงไม่ทราบจุดประสงค์ที่แน่ชัดว่าผู้ออกมากล่าวหาเรื่องดังกล่าวต้องการอะไร
ทั้งนี้ จาการให้ข้อมูลของ นายวิศิษฐ์ ทวีสิงห์ นายอำเภอเมืองน่าน ได้รับคำตอบว่า ได้รับทราบข้อมูลข่าวมาเหมือนกัน และหลายหน่วยงานก็กังวล จึงสั่งให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว ก็พบว่า ตำบลสะเนียน ไม่ได้มีหมู่บ้านชื่อ บ้านนาท่อ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงสั่งให้ตรวจสอบเรื่องนี้ ทำให้ทราบว่าบ้านนาท่อตั้งอยู่ในตำบลไชยสถาน และก็ได้รับคำตอบยืนยันมาว่าไม่เคยเกิดกรณีตามกล่าวอ้าง จากการสอบถามไม่ยังผู้ใหญ่บ้านและกำนันในเขตอำเภอเมืองน่าน ก็ได้รับคำยืนยันมาว่าไม่เคยมีการติดต่อจากใครมาเลยและไม่มีเหตุการณ์ตามที่กล่าวอ้างในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวขอฝากถึงผู้เกี่ยวข้อง ทั้งชาวบ้านและทางหน่วยงานราชการขอฝากถึงผู้ให้ข่าว และสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าว ควรรับข้อมูลที่ถูกต้องก่อน แม้แต่ชื่อหมู่บ้าน หรือตำบลยังสับสนวุ่นวาย หากประสงค์เพพียงต้องการข่าวเพียงเพื่อต้องการจะสร้างชื่อเสียงให้ใคร ผู้ใด หรือวัดใด
ก็ไม่เห็นเหตุอันจำเป็นจะต้อง ทำลายผู้อื่นให้เสียหายเพื่อจะแสดงบทพระเอก เสรีภาพบนความรับผิดชอบ ควรคำนึง และจรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อที่ควรตระหนักและตรวจสอบข้อมูลให้ชัดก่อนนำเสนอ ผลเสียที่เกิดจะรับผิดชอบต่อสังคมเมืองน่านอย่างไร ควรออกมาตอบให้ชัดเจน
77ข่าวเด็ด ประจำจังหวัดน่าน รายงาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: