X

เดือดเราไม่ใช่ผี เตรียมร้องข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ ปมเสนอข่าวเหยียดชาติพันธุ์

จังหวัดน่าน ชาวมละบริสุดจะกลั้น เมื่อไหร่จะคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ หลังสื่อดังหลายสำนักไร้สำนึกเสนอข่าวชี้นำสังคม ใช้คำพูดเหยียดชาติพันธุ์ นิสัยลักขโมยเป็นประจำ เตรียมล่ารายชื่อยื่นหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่ฯ สหประชาชาติ ปมผิดปฏิญญา UNDRIP

ข่าววันนี้ น่าน วันที่ 26 กันยายน 2563 หากการกดขี่เหยียดหยามชาวยิวคือการกระทำผิดที่ละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ว่าสิ่งนั้นเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดของโลก แต่การกระทำดังกล่าวได้ยุติไปแล้ว ในสังคมไทยชาติพันธุ์มละบริ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์มองโกลอยด์ดั้งเดิมที่เหลืออยู่ และมีประชากรที่เหลืออยู่ประมาณ 500 คน

ที่ถูกละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์มาตั้งแต่อดีตที่ไม่เคยบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พงศาวดาร ตำรา หรือบทความวิชาการที่มีการเอ่ยถึงกลุ่มชาติพันธุ์นี้ แต่นั้นถูกบันทึกและจดจำและเล่าสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น และบทความวิชาการต่างๆ เลือกที่จะไม่เอ่ยถึงการถูกกระทำเพื่อไม่ให้กระทบจิตใจของชนกลุ่มนี้หวังเพียงวันเวลาสังคมและเวลาคงเยียวยาและเคารพสิทธิและคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จากสังคมุ ที่หากทราบถึงการกระทำของมนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันคงรับไม่ได้ แต่กาลเวลาก็ไม่ได้แก้ไขอะไรมีแต่คอยตอกย้ำ แม้แต่สถาบันหรือกลุ่มคนที่ศึกษาเล่าเรียนมาจนได้ชื่อว่าเป็นปราชญ์เป็นราชบัณฑิต

ยังตอกย้ำการเยียดชาติพันธุ์นี้ระบุความหมายของคำว่า “ผีตองเหลือง” ชนชาติข่าพวกหนึ่ง ตองเหลืองก็เรียก แต่แท้จริงคือคำพูดที่คนอื่นเรียกมนุษย์กลุ่มนี้ที่เป็นการดูหมิ่นและเหยียดหยามในวิถีชีวิต และวัฒนธรรมที่มนุษย์กลุ่มนี้อาศัยอยู่ในป่าและรักษาอารยธรรมอันทรงคุณค่านั้นไว้ ว่าดั่งเดิมบรรพบุรุษของเราอาศัยอยู่ในป่าอย่างไร และสื่อมวลชนที่เป็นอีกหนึ่งที่เป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้สังคม กับสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมหลังสื่อดังเสนอข่าวตอกย้ำใช้คำเหยียดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประเด็นเจอศพนิรนาม

ชาวบ้านมะระบลิชุมชนห้วยลู่ หมู่ 5 ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน สุดทนหลังสื่อดังหลายสำนักเสนอข่าว พบศพหญิงนิรนามที่อุตรดิตถ์ที่กระท่อมกลางป่า ปมอุบัติเหตุจากการเข้าไปลักขโมยอยู่เป็นประจำ ชี้นำสังคมเหตุอ้างชาวบ้านสงสัยว่าเป็นชนเผ่า “ผีตองเหลือง” เพราะมาขโมยของประจำชาวบ้านเรียก “ป้าแม้ว” ในตัวไม่พบเอกสารใดๆ

ชาวบ้านพบอาศัยอยู่แถวนี้กว่า 8 ปี กับนำเสนอสู่ที่ยังเป็นเพียงข้อสงสัยแม้แต่เอกสารบัตรประจำตัวก็ยังไม่มี นี่หมายถึงเป็นบุคคลนิรนาม กับเสนอข่าวสู่สาธารณชนว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในป่าสันนิษฐานว่า “เป็นชนเผ่าผีตองเหลือง”

“เราไม่ใช่ผี เราไม่ใช่คนตาย พวกเราเป็นคน มีความรู้สึก มีความคิด มีชีวิต มีจิตใจ และเราเป็นคนไทย มีบัตรประจำตัวกันทุกคน ทำไมถึงว่าพวกเราเป็นสิ่งไม่มีชีวิตไม่มีตัวตน เราได้รับการช่วยเหลือด้านต่างๆ ผ่านโครงการพระราชดำริฯ เพราะเราคิดว่าสิ่งที่เขาเสนอกระทบหน่วยงาน และโครงการพระราชดำริฯ เพราะเราไปดูในเฟซบุ๊คมาเขาโพสต์ว่าชีวิตของเราลำบากอนาถาอย่างหนัก ขอรับบริจาคเพื่อมาช่วยเรา มันไม่ใช่เรื่องจริงเราอยู่ตามอัตภาพของเราและไม่ได้เร่ร่อนในป่าแล้ว

พวกเราปกป้องศักดิ์ศรีของเราและศักดิ์ศรีของโครงการพระราชดำริฯ เรามีความสุขในอัตภาพของเราเราพอเพียงในวิถีชีวิตแบบนี้ เมื่อก่อนเราอาจไม่คิดอะไรเพราะเราไม่รู้ไม่เข้าใจว่า “ผีตองเหลือง” หมายความว่าอะไร หลังโครงการพระราชดำริฯ เข้ามาพัฒนาคุณภาพชีวิต

เราได้เรียนหนังสือ และเข้าใจแล้วว่ามีความหมายว่าอะไร เราดำเนินวิถีชีวิตแบบนี้และพอเพียงแค่นี้ มีความสุขดี จะนำเสนอข่าวหรือไปโพสต์อะไรเคยถามเคยศึกษาข้อมูลหรือยังว่าเรื่องจริงคืออะไร”

คำพูดจากใจชาวมละบริจากการที่ได้ผู้สื่อข่าวเคยร่วมเดินสำรวจผืนป่าร่วมกับชาวบ้านเนื่องจากมีการแอบลักลอบทำกับดักสัตว์ป่าที่ชาวบ้านช่วยกันดูแลกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่โครงการพระราชดำริฯ จากป่าเสื่อมโทรมจนอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาจนมีตาน้ำผุดจากดินหล่ายแห่ง

จากกรณีสื่อดังหลายสำนักนำเสนอภาพข่าวการทำงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัยในจังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าไปเก็บกู้ศพหญิงนิรนามกลางป่าเขาที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ แล้วนั้น โดยเนื้อหานำเสนอเพียงข้อสันนิฐานของชาวบ้าน ไร้พยานหลักฐานยืนยันใดๆ กับนำมาเสนอเผยแพร่สู่สาธารณชน ทางชาวบ้านมละบริติดต่อผู้สื่อข่าวด้วยอัดอั้นตันใจ

พร้อมขอแสดงถ้อยแถลงด้วยสื่อเสนอข่าวชี้นำแบบนี้ ผลที่ตามมาคือกลุ่มคนหวังดีแต่ไม่ทราบเจตนา โพสต์เฟซบุ๊คขอรับเงินรับของอ้างว่าจะมาช่วย สร้างความเสียหายและเกิดความเข้าใจผิดในสังคม

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปที่เกิดเหตุและทำการเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตจากข่าวที่เผยแพร่ เผยว่าได้รับประสานให้ไปเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิต แต่รถยนต์ขึ้นไปไม่ได้จึงเป็นภาพเหตุการณ์มัดศพผู้เสียชีวิตติดหลังเจ้าหน้าที่และขับขี่รถจักรยานยนต์นำศพที่ผูกติดลงมาดังข่าวที่นำเสนอไป โดยชาวบ้านให้ข้อมูลกับทางกู้ภัยว่าน่าจะเป็นชนเผ่าผีตองเหลืองชื่อป้าแม้ว พบเห็นอยู่แถวนี้กว่า 8 ปีแล้ว แต่ก็ไม่แน่ชัดที่มาที่ไปว่ามาจากไหน

และไม่มีเอกสารหลักฐาน ระบุตัวตนใดๆ ทางเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเก็บกู้ไม่ได้มีเจตนาที่จะเหยียดชาติพันธุ์ ทางเราต้องขออภัยในคำพูดดังกล่าว เรารับข้อมูลจากชาวบ้านมาอย่างนี้ นักข่าวเขามาสอบถามเราก็ให้ข้อมูลไปแบบนี้ ส่วนสื่อจะนำไปเสนอข่าวอย่างไรเราไม่อาจทราบและต้องขออภัยเพราะเราไม่ได้มีเจตนาและคิดว่าจะเสนอข้อมูลออกสู่สารธารณะว่าศพนิรนาม เพราะไม่มีข้อมูลยืนยันอะไร ผู้ตายเป็นใคร

ด้านชาวมละบริ บ้านห้วยลู่ ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน หลังเห็นสื่อต่างๆ นำเสนอข่าว ทั้งเห็นในโซเชียลมีเดียต่างๆ เปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของเกิดความเป็นห่วงว่าจะตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี ได้แจ้งขอให้นำเสนอถ้อยแถลงของชุมชน ว่าพวกตนไม่ได้มีความลำบากอะไรขนาดนั้นใช้ชีวิตตามอัตภาพและพอเพียง ไม่เคยขอรับบริจาค ทั้งเงิน หรือเสื้อผ้า มองว่าการช่วยเหลือที่ว่ามาไม่ยั่งยืน สิ่งที่เราขาดไม่ใช่ของพวกนั้น เราขาดความรู้ทั้งด้านเทคนิคและเทคโนโลยีที่จะนำมาปรับใช้ในการประกอบอาชีพมากกว่า เพราะเป็นการช่วยเหลือที่ยังยืนสร้างอาชีพ และสามารถพึ่งพาตนเองได้

โดยชุมชนออกแถลงการณ์และขอชี้แจงต่อสังคมเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563 ชุมชนมละบริห้วยลู่ ขอแถลงการณ์เรื่อง “หน่วยกู้ภัย วัดหมอนไม้ นำศพผีตองเหลืองลงจากเขา ตามที่สื่อต่างๆ ได้พากันนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ชาวบ้าน “มละบริ”หรือที่คนภายนอกเรียกว่า “ตองเหลือง” ขอชี้แจงต่อสังคมในประเด็นต่างๆ เหล่านี้ใน 5 ประเด็น

ที่อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดหรืออาจเป็นช่องทางที่คนบางกลุ่มอาจนำข้อมูลผิดๆ ไปใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เป็นการส่วนตัว ประเด็นที่แรก ชาวมละบริ มีถิ่นฐานและที่อยู่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมีเพียง จังหวัดแพร่และจังหวัดน่านเท่านั้น ประชากรทั้งหมดประมาณ 450 คน และมีอาศัยในแขวงไชยะบุรี สปป.ลาวอีก 22 คน และไม่ปรากฏว่าอาศัยอยู่ในพื้นที่อื่นๆ ยกเว้นเอกสารในอดีตเมื่อกว่า 80 ปีมาแล้วโดยหมู่บ้านของพี่น้องมละบรินั้นจะมีทั้งหมด 5 หมู่บ้าน เรียงตามลำดับ ได้แก่ 1.บ้านห้วยหยวก อำเภอเวียงสา น่าน, 2.บ้านห้วยฮ่อม อำเภอร้องกวาง แพร่, 3.บ้านท่าวะ อำเภอสอง แพร่, 4.มละบริภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ น่าน และ 5.มละบริห้วยลู่ อำเภอเมือง น่าน และไม่เคยปรากฎว่ามีชุมชนในจังหวัดอุตรดิตถ์ หรือจังหวัดอื่นแต่อย่างใด มีกลุ่มชาติพันธุ์มละบริอาศัยอยู่แต่อย่างใด

ประเด็นที่สอง คำว่า “ผีตองเหลือง” เป็นคำที่ใช้เรียกในลักษณะของความเข้าใจผิดหรืออคติทางชาติพันธุ์ เป็นทั้งการดูถูกและลดทอนความเป็นมนุษย์ กลุ่มชาติพันธุ์นี้มีชื่อเรียกว่าชาติพันธุ์ว่า “มลาบรี, มละบริ หรือ Mlabri” ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า “คนป่า” เพราะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในป่า ไม่ใช่ผีสางแต่อย่างใดอีกทั้งความคิดที่เข้าใจว่าการอยู่อาศัยทำเพิงใบไม้จนเพิงเหี่ยวเป็นสีเหลืองถึงจะย้ายที่อยู่ เลยเกิดความเข้าใจว่าเป็นชนเผ่าตองเหลือง “ตอง” ภาษาทางเหนือหมายถึง “ใบไม้”แต่ในความเป็นจริงแล้วมละบริจะอาศัยอยู่ที่ไหนจะสั้นหรือยาวนานจนใบไม้เหี่ยวเปลี่ยนสีหรือไม่ก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับทรัพยากรและความปลอดภัยในพื้นที่เป็นหลักโดยถ้าหากหาอาหารได้น้อยหรือมีคนชาติพันธุ์อื่นเข้ามาบริเวณที่อยู่อาศัย ทั้งกลุ่มก็จะอพยพโยกย้ายไปที่อื่น ไม่ใช่เพราะใบไม้เหลือง อีกทั้งชนเผ่ามละบริไม่พอใจที่จะเรียกพวกเขาว่าเป็น “ผี” อยากให้สื่อที่นำเสนอ หาข้อมูล ชี้แจงและรับผิดชอบต่อประเด็นดังกล่าว

ประเด็นที่สาม ชาวมละบริโดยธรรมชาติและพื้นเพดั้งเดิม เป็นกลุ่มชนที่ไม่มีการลักเล็กขโมยน้อย มละบริยอมทำงานรับจ้างยอมอดตายในไร่ก็มี ไม่เคยปรากฏว่าไปลักเล็กขโมยน้อยมาก่อน การให้ข่าวว่ามละบริออกมาลักขโมยในตอนกลางคืน เพื่อเอาของกินไปให้ลูกๆ ในป่ากินนั้น สร้างความเสื่อมเสียให้ชาวมละบริอย่างมาก จึงขอให้ผู้ให้ข้อมูลและผู้นำเสนอข่าวแสดงความรับผิดชอบในประเด็นดังกล่าวด้วย

ประเด็นที่สี่ ณ ตอนนี้เราพบว่าเริ่มมีกลุ่มคนบางกลุ่ม เริ่มที่จะใช้ข่าวดังกล่าวเรี่ยไรเงินเพื่อที่จะนำมาบริจาค โปรดอย่าได้หลงเชื่อ และสนับสนุนเพราะอาจถูกหลอกหรือใช้เป็นครื่องมือในการหาผลประโยชน์ ปัจจุบันมีส่วนราชการมาให้ความช่วยเหลือชนเผ่ามละบริในหลายพื้นที่ ในรูปแบบโครงการพระราชดำริ มาสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนและพัฒนาความรู้ด้านการเกษตรในพื้นที่ทำกิน สร้างชุมชนที่มั่นคง ดูแลคุณภาพชีวิต อนุรักษ์วิถีภูมิปัญญา ภาษา และองค์ความรู้ท้องถิ่น กับการพัฒนาเพื่อความมั่นคงด้านต่างๆ มายาวนาน ปัจจุบัน ชาวมละบริไม่ใช่ชนเผ่าที่น่าสงสาร แต่เป็นชนเผ่าที่มีศักดิ์ศรีและมีชีวิตที่มั่นคงในระดับหนึ่ง ไม่ได้น่าเวทนาเหมือนที่สื่อหลายสำนักได้เสนอข่าวออกไป

ประเด็นที่ห้า “ผีตองเหลือง” ในภาษาพื้นเมืองในอดีต จะมีคำพูดติดปากว่าผีตองเหลือง ที่ไม่ใช่ความหมายถึงชนเผ่าและกลุ่มชาติพันธุ์เท่านั้น แต่ยังหมายถึงคนที่มีอาการป่วยทางจิต คนเร่ร่อน หรือคนที่ทำตัวแปลกๆ ชอบลักเล็กขโมยน้อย อาศัยวัดหรือกระท่อมอยู่บางคนอาจเป็นคนที่ถูกลูกหลานทอดทิ้ง อาจเป็นคนสติเลอะเลือน คนใบ้ คนสมัยก่อนจะมีคำเรียกว่า บ่าผีตองเหลือง แต่ไม่ได้หมายถึงชนเผ่าที่มีวิถี ภาษา ที่เป็นอัตลักษณ์ทางวิถีชีวิตที่เรียกว่า วัฒนธรรมเก็บหาของป่าล่าสัตว์ (Hunting-gatgering Culture) ในประเด็นนี้ พี่น้องมละบริได้โทรติดต่อกันทั้ง 5 พื้นที่แล้ว ไม่ปรากฏว่าคนในข่าวนั้นเป็นญาติพี่น้องหรือเป็นคนรู้จักเลย อีกทั้งในข่าวก็แจ้งว่าไม่รู้ชื่อ ไม่มีบัตรประจำตัว แล้วทราบได้อย่างไรว่าเป็นผีตองเหลือง

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังทางชุมชนรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องถึงแนวทางต่อไปจะดำเนินการอย่างไร ทราบข้อมูลว่าทางกลุ่มชาติพันธุ์กำลังปรึกษาเพื่อเรียกร้องศักดิ์ศรีของกลุ่มชาติพันธุ์ของตนในสิทธิและศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์

โดยจะทำหนังสือและลงชื่อในกลุ่มชาติพันธุ์มละบริที่เหลืออยู่ประมาณ 500 คน เพื่อร้องเรียนไปยังไปยัง ข้าหลวงใหญ่ฯ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ เรียกร้องให้สื่อมวลชนที่นำเสนอข้อมูลเพียงข้อสันนิฐาน ใช้คำที่มีความหมายในการเหยียดชาติพันธุ์ และรวมถึงการระบุความหมายของคำในพจนานุกรมโดยสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ที่ให้ความหมายของคำว่า “ผีตองเหลือง” มีความหมายว่า ชนชาติข่าพวกหนึ่ง ตองเหลืองก็เรียก แต่แท้จริงคือคำพูดที่คนอื่นเรียกมนุษย์กลุ่มนี้ที่เป็นการดูหมิ่นและเหยียดหยามในวิถีชีวิต และวัฒนธรรมที่มนุษย์กลุ่มนี้อาศัยอยู่ในป่าและรักษาอารยธรรมอันทรงคุณค่านั้นไว้ ว่าดั่งเดิมบรรพบุรุษของเราอาศัยอยู่ในป่า

ว่าการกระทำเหล่านี้ เป็นการกระทำที่ละเมิดกฎบัตรปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของปวงชนท้องถิ่นดั้งเดิม ( Declaration on the Rights of Indigenous Peoples) อย่างร้ายแรงและการเรียกร้องนี้ไม่มีเจตนาจะจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ตามบทบัญญัติที่ระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญในระบบประชาธิปไตย และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษชนแห่งสหประชาชาติ แต่การใช้สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น ตามนิยามเสรีภาพบนความรับผิดชอบ

77ข่าวเด็ด ประจำจังหวัดน่าน รายงาน

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ไชยรัตน์ รัตสิมวงศ์

ไชยรัตน์ รัตสิมวงศ์

ลูกเป็ด เฝ้าน่าน