จังหวัดน่าน หน่วยงานรัฐ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่พัก สะปัน หวั่นสร้างภาพลักษณ์เสียหาย เมืองน่าน พบมีกลุ่มนายทุนแอบเข้ามาดำเนินกิจการ ลั่นหากผิดจากคำสั่ง คสช.ประกาศกันที่ดินให้ชาวบ้านทำกินยึดคืน
ข่าววันนี้ น่าน วันที่ 1 ธันวาคม 2563 หลังผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว แจ้งเบาะแสการลุกล้ำลำน้ำว้า ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำน่าน หวันกระทบระบบนิเวศ มีการใช้เครื่องจักกลหนักทั้งขุด ทั้งถม แบงแห่งสร้างสิ่งปลูกสร้างลงไปลำน้ำสาธารณะ ทั้งที่พักราคาสูงเกินจริง และปรากฏภาพถ่ายของ ททท.กับ ที่ใช้โปรโมทส่งเสริมการท่องเที่ยวมีการใช้ภาพที่มีการก่อสร้างลงไปแหล่งน้ำของต้นน้ำ ตั้งข้อสงสัยเอื้อประโยชน์กล่มนายทุนหรือไม่ หวั่นสร้างผลเสียต่อภาพลักษณ์มนต์เสน่ห์จริงๆ ของเมืองน่าน
โดยเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน มอบหมายให้ นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายสัมฤทธิ์ สวามิภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และนายวิศิษฐ์ ทวีสิงห์ ปลัดจังหวัดน่าน อำนวยการจัดระเบียบและตรวจสอบข้อมูลร่วมกับผู้สื่อข่าว จากข้อมูลที่ได้รับเรื่องร้องเรียน และเทียบพิกัดแผนที่โดยการประสานงานร่วมกับ นายเพลิน ขวัญนาค ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สำนักบริหารอุทยานแห่งชาติที่ 13 (แพร่-น่าน) ที่ทำงานประสานกัน 3 พื้นที่ โดยพื้นที่ บ้านสะปัน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ ได้สนธิกำลังจาก ฝ่ายปกครองอำเภอป่าเกลือ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาแพร่ เข้าตรวจสอบอาคารที่ก่อสร้างเป็นที่พัก ที่สร้างเปิดให้บริการเป็นที่พักของนักท่องเที่ยว ที่กำลังเป็นที่นิยมแห่งหนึ่งของประเทศไทย
โดยทำการตรวจสอบพร้อมทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ที่ลุกล้ำลงไปในลำน้ำออกทั้งหมด โดยได้ชี้แจงให้เจ้าของทราบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายขออนุญาตทำการรื้อถอน หากเข้าใจและยินยอมอนุญาต เจ้าหน้าที่จะทำการรื้อถอนให้ แต่หากไม่ยินยอม เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยชาวบ้านส่วนใหญ่เข้าใจและยินยอมให้รื้อถอนแต่โดยดี ไม่พบเหตุการณ์ก่อความวุ่นวาย
ด้านที่ดิน ติดลำน้ำว้าที่มีผู้ให้ข้อมูลชี้เบาะแสผ่านผู้สื่อข่าวว่า มีการใช้เครื่องจักรกลหนักขนดินมาถมที่เพื่อสร้างเป็นสถานที่กางเต็นท์เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว และได้รับการร้องเรียน จากการเทียมภาพถ่ายดาวเทียมพบร่องลำรางที่เคยมีอยู่หายไป ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำกายตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง หากพบการกระทำผิดจริง จะดำเนินการตรวจยึดส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน นายสัมฤทธิ์ สวามิภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า ที่ดินในเขตอำเภอบ่อเกลือเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่ในเขาป่าอุทยาน และเขตอนุรักษ์ เกือบทั้งหมดจึงไม่มีเอกสารสิทธิ์แต่ได้มีการกันพื้นที่ให้ชาวบ้านได้ใช้อยู่อาศัยและทำกิน ตามแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561
ภายหลังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและทางจังหวัดน่านได้สนับสนุนส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ชุมชน จนเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว และภายหลังได้รับความนิยม ประกอบกับมีข่าวว่าทางรัฐบาลมีนโยบายจะทำการสำรวจออกหนังสือโฉนด จึงเป็นที่หมายปองของกลุ่มทุน กลุ่มข้าราชการ ได้กว้านซื้อเพื่อหวังเก็งกำไร และหวังจะได้มีการออกเอกสารสิทธิ์ พบราคาที่ดินบางที่ราคาซื้อขายกันไร่ละ 5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทางส่วนราชการยึดถือตามหนังสือสั่งการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ที่กันพื้นที่ป่าเพื่อให้ชาวบ้านมีที่ทำกิน คาดหลังจากผ่านช่วงฤดูการท่องเที่ยวนี้ผ่านไป จะดำเนินการตรวจสอบโดยละเอียด ว่ารายไหนคือชาวบ้านใช้ทำกิน
โดยทางราชการอนุญาตให้สร้างที่พักได้เพียงครอบครัวละ 5 ห้อง แต่หากดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นบุคคลหรือกลุ่มทุนจากที่อื่น เข้ามาดำเนินการจะดำเนินการตรวจยึดคืนเป็นสมบัติของแผ่นดิน เนื่องจากใช้ที่ดินที่ได้รับจัดสรรค์ให้ผิดวัตถุประสงค์ โดยช่วงนี้ยังเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว เกรงจะกระทบกับนักท่องเที่ยวที่ได้ทำการจองที่พักไว้ก่อนล่วงหน้า
และหลังจากนี้ จะมีการตรวจสอบไว้เป็นฐานข้อมูล ว่ารายไหนเป็นชาวบ้านทำกินจริง หรือรายไหนเป็นกลุ่มทุนทำกินโดยจะมีการทำงานร่วมกับผู้สื่อข่าวที่จะคอยรับเรื่องร้องเรียน และเบาะแสจากการได้รับความไว้ใจจากชาวบ้านและนักท่องเที่ยว และป้องกันข้อครหาการเลือกปฏิบัติ แต่หากพบว่ารายได้มีการเรียกเก็บค่าบริการแพงเกินจริง ก็ดำเนินการเข้าตรวจสอบกับรายนั้นก่อน
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ทางผู้สื่อข่าวได้รับข้อร้องเรียนเรื่องที่พัก ประกอบด้วยราคาที่พักแพงจนเป็นการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวยกตัวอย่างผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนที่พักแห่งหนึ่งติดลำน้ำว่า มีการเก็บเงินค่าบริการสูงจนน่าตกใจ จึงเดินทางลงพื้นที่ทำทีเป็นนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการ สอบถามราคากางเต็นท์นอน ได้รับแจ้งว่า
หากนอนเต็นท์ ราคาค่าบริการ 2,000 บาท แต่หากจะนอนบ้านเป็นหลังมีราคาค่าบริการ 5,000-8,000 บาท ต่อคืน จึงต่อรองราคาหากนำเต็นท์มากางเอง ผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าวแจ้งราคาค่าบริการ 1,500 บาท และห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวม
ที่ผ่านมาได้รับข้อร้องเรียนเข้ามาตลอด อาทิ การจองที่พักชำระเงินจองแล้วพอถึงเวลาเดินทางไปกับไม่มีที่พักให้แจ้งว่าเต็ม และคิดว่าไม่มาจึงให้คนอื่นพักในราคาแพงกว่าเดิม จะคืนเงินให้ หรือหากต้องการที่พักมีที่พักอีกที่ แต่ต้องจ่ายเพิ่ม หากยินดีจ่ายเพิ่มก็จบปัญหา บางหลังทราบว่ารวมราคาจ่ายเพิ่มแล้วกว่า 10,000 บาท หรือหากรายใดไม่ยอมจะให้รับผิดชอบ จะรับผิดชอบโดยให้ไปนอนที่พักข้างคอกวัวคอกควาย นอนดมกลิ่นธรรมชาติจนชินไปเอง
คิดเป็นร้อยละ 99 จากการหาข้อมูลตามที่รับเรื่องร้องเรียน จะเป็นกลุ่มนายทุนจากพื้นที่อื่น เข้ามาลงทุน จากข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว (ขอสงวนข้อมูลส่วนบุคคล) ได้ให้ข้อมูลว่า มีทั้งกลุ่มทุนจากทางภาคใต้ ที่เข้ามาซื้อที่และดำเนินการ และกลุ่มทุนที่มาจากการเปลี่ยนที่ลงทุนมีทั้งที่มาจาก ปาย และเพชรบูรณ์ ที่ปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยมแล้ว ด้วยกลิ่นไอของมนต์เสน่ห์ของพื้นที่หายไป
77ข่าวเด็ด ประจำจังหวัดน่าน รายงาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: