ขบวนการขนไม้เถื่อนซัด ดาบน้อม สภ.จุน เคลียร์ทางผ่านทุกด่าน จากน่านถึงโรงเลื่อยอยุธยาเตรียมส่งออกต่างประเทศ
วันที่ 20 สิงหาคม 2566 เวลา 00.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเวียงสา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 324 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเวียงสา คุ้มกันรถของกลางเป็นรถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 70-1981 ลำปาง หลังเจ้าหน้าที่สนธิกำลังสกัดจับได้เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 19 สิงหาคม 2566 บริเวณรอยต่อบ้านป่าหุ่งกับบ้านห้วยหลอด ตำบลยายหัวนา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน และพบว่ามีการนำมวลชนมีการระดมมวลชนมาสกัดรถของกลางทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางนำรถของกลางขับอ้อมไปอำเภอบ้านหลวง และกลับเข้าอำเภอเมือง นำมาที่สถานีตำรวจภูธรเวียงสา โดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการเดินทาง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 เวลา 00.20 น. นายสงคราม ขาวสะอาด ผู้อำนวยการ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ได้สำกำลังสกัดจับ นายจักร นามสมมุติ อายุ 35 ปี อยู่ที่ตำบลขึ่ง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน บริเวณบ้านผาหมู ตำบลร้องกวาง อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ พร้อมของกลาง รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียนจังหวัดน่าน และไม้ประดู่ 14 ท่อน ปริมาตร 6.51 ลูกบาตรเมตร โดยผู้ต้องหาให้การว่ารับจ้างขนไม้ดังกล่าวเพื่อนำไปส่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปลายทางคือลักลอบนำออกไปต่างประเทศทางเรือ และยังมีไม้ประดู่ท่อนจะมีการขนย้ายอีกครั้งในวันที่ 19 สิงหาคม หลังทราบข้อมูลแล้ว จึงได้สนธิกำลัง ออกติดตามจนพบว่ามีการลักลอบขนไม้จริง จึงสนธิกำลังเข้าสกัดจับ ได้ผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายรินทร์ นามสมมุติ อายุ 51 ปี อยู่ที่ตำบลสันมะเค็ด อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย พร้อมรถยนต์ 10 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียนจังหวัดลำปาง พร้อมไม้ประดู่ 10 ท่อน ปริมาตร 5.75 ลูกบาตรเมตร ผู้ต้องหาสารภาพรับจ้างขนไม้ไปส่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ค่าจ้าง 20,000 บาท โดยได้รับค่าจ้างมาแล้ว 10,000 บาท
ข่าวน่าสนใจ:
จากการสอบปากคำ นายรินทร์ นามสมมุติ รับสารภาพว่า ปกติตนรับจ้างขับรถบรรทุกยางพาราก้อนถ้วย แต่ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ไม่ค่อยมีงานให้วิ่งรถ พอดีได้รับการติดต่อในกลุ่มงานรถสิบล้อ ว่ามีงานขนไม้จากจังหวัดน่านไปอำเภอจุนจังหวัดพะเยา ในราคา 10,000 บาท โดยผู้ว่าจ้างบอกว่าเป็นไม้บ้านเก่ามีเอกสารขนย้าย ตนจึงรับงานโดยมีผู้ว่าจ้างเป็นตำรวจชื่อว่าดาบน้อม สังกัดสถานีตำรวจภูธรจุนเป็นคนว่าจ้าง และดาบน้อมได้ขับนำทางมายังที่ขนไม้ แต่เมื่อมาถึงได้ขนไม้ขึ้นรถเสร็จ ดาบน้อมได้บอกว่า ไม้ดังกล่าวจะให้นำไปส่งที่โรงเลื่อยแห่งหนึ่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเพิ่มค่าจ้างจาก 10,000 บาท เป็น 20,000 บาท โดยดาบน้อมแจ้งว่าได้ทำการเคลียร์ด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้งด่านนางฟ้า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ด่านห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ และจะขับนำเคลียร์ด่านรายทางให้จากจังหวัดน่านจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับรองว่าผ่านทุกด่าน เพราะทำประจำและดาบน้อมยังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย ตนจึงรับงาน แต่ขณะขับรถออกจากบริเวณที่นำไม้ขึ้นรถได้ไม่ไกล โดยมีดาบน้อมขับนำ เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังบุกเข้าสกัดจับรถตน แต่ดาบน้อมได้ขับหนีไป
จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวเป็นกลุ่มขบวนการลักลอบส่งออกไม้เศรษฐกิจไปยังต่างประเทศทางตู้คอนเทรนเนอร์โดยผิดกฎหมาย โดยจะมีนายทุนมารับซื้อไม้จากชาวบ้านโดยใช้ช่องโหว่ของกฎหมายตามมาตรา 7 พรบ.ป่าไม้ โดยกลุ่มชาวบ้านจะไปตัดไม้จากป่า และชักลากมาปล่อยจมไว้ในสระน้ำหรือขุดดินฝัง เพื่อทำให้ไม้ดูเก่า แล้วกลุ่มนายทุนจะมารับซื้อไม้ท่อน ท่อนละ 2,000-5,000 บาท และลักลอบนำไปขายที่โรงเลื่อยเพื่อสวมสิทธิเป็นไม้มาตรา 7 ตาม พรบ.ป่าไม้ โดยราคาขายให้โรงเลื่อยราคาท่อนละ 20,000-50,000 บาท และหากนำไปขายต่างประเทศ จะขายเป็นกิโลกรัมตกกิโลกรัมละ 700 บาท หรือประมาณ 100 เท่า ของราคาที่รับซื้อจากชาวบ้าน ไม้ท่อน 1 ท่อนจะมีน้ำหนักราว 500-1,000 กิโลกริมแล้วแต่ขนาดและความยาว
ด้าน นายสงคราม ขาวสะอาด ผู้อำนวยการ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 กล่าวว่า ขอฝากถึงกลุ่มขบวนการลักลอบค้าไม้เศรษฐกิจไม้มีค่า นำออกสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้รับทราบขั้นตอนทุกกระบวนการของท่าน ขอให้ท่านหยุดการกระทำของท่าน เนื่องจากเป็นการทำรายทรัพยากรธรรมชาติ ที่ควรเป็นมรดกของชาติ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: