ความร่วมมือการเชื่อมต่อเส้นทางการท่องเที่ยว 3 ประเทศ ตั้งแต่ จ.น่าน ถึงแขวงอุดมไชย สปป.ลาว และสิบสองปันนา จีน มีลู่ทางสว่างไสว เห็นพ้องร่วมกันถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับชุมชนรายทางผ่าน และจะมีการนัดหมายประชุม 3 ฝ่าย ไทย สปป.ลาว และจีน อีกครั้งในปี 2563
ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน องค์การมหาชน หรือ อพท. ให้สัมภาษณ์แก่ ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน ถึงผลการประชุมร่วม หารือ ระหว่างฝ่ายไทย โดย จังหวัดน่าน ซึ่งมี นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธาน ฝ่ายไทย ร่วมกับ คณะของ อพท. กับ นายไอ่เจิน หัวหน้าสำนักงานการต่างประเทศ 12 ปันนา และคณะผู้แทนทางการจีน ที่โรงแรมหัวฟา เขตสิบสองปันนา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา มีประเด็นการประชุม หารือ เรื่องความร่วมมือระหว่างกันในการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม กลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ ที่ถือว่า ไทย – จีน เป็นบ้านพี่ เมืองน้อง อย่างแท้จริง โดยทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันว่า การเชื่อมโยงเส้นทางทางบก (ถนน) จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนในพื้นที่ทางผ่านอย่างชัดเจน ทั้ง ไทย ที่ จ.น่าน , สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ที่แขวงอุดมไชย หรืออาจต่อเนื่องไปถึง หลวงพระบาง และเส้นทางสิ้นสุดที่ สิบสองปันนา ของ จีน โดย
เห็นว่า ควรจัดให้มีการประชุม หาข้อตกลงร่วม 3 ฝ่าย ทั้ง ไทย สปป.ลาว และจีน อีกครั้ง ในปี 2563 เพื่อร่วมพัฒนาเส้นทางการติดต่อ เชื่อมโยง ให้สามารถอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ที่เดินทางโดยใช้เส้นทางคมนาคมทางบก เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของผู้นำอาเซียน ที่ได้ลงนามร่วมกันไว้ เมื่อ 3 – 4 ปีที่แล้ว ที่มุ่งหวังให้ มีการเชื่อมต่อการเดินทางท่องเที่ยวจากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่ง หรือหลาย ๆ ประเทศได้ในการเดินทางท่องเที่ยว แบบ One Destination
นายไอ่เจิน ได้หารือที่ประชุมถึงแนวทางการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะ นักท่องเที่ยวจีนให้สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยจากมณฑลยูนนาน ได้สะดวก รวดเร็วขึ้นจากการทำวีซ่า ขอเข้าประเทศ ซึ่งทางฝ่ายไทยได้รับเรื่องไปหารือกับทางการไทยต่อไป
ในขณะเดียวกัน ทางฝ่ายไทย โดย นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้ฝากข้อหารือ ปัญหาที่พบของฝ่ายไทย แก่ผู้นำการเจรจาของจีน 2 ประเด็น คือ เรื่องทัวร์จีน ที่มักมีการแอบเข้ามาทำการค้าในประเทศไทย แบบสวมรอย แล้วหลอกลวงนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยกันเอง อันอาจจะนำมาซึ่งความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของพื้นที่ ประเทศไทย และประเด็นเรื่อง ความแตกต่างทางวัฒนธรรม วิถีความเชื่อ สิ่งเคารพของไทย โดยขอให้เพิ่มการให้ข้อมูล ประชาสัมพันธ์แก่ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยให้ทราบถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เกิดความบาดหมาง กระทบต่อความรู้สึกของคนไทย โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่ง นายไอ่เจิน ผู้แทนทางการจีน รับเรื่องไปเสนอต่อทางการใหญ่ของประเทศจีนต่อไป
นายไอ่เจิน หัวหน้าสำนักงานการต่างประเทศสิบสองปันนา ได้กล่าวชื่นชมการประชุมหารือ ระหว่างกันครั้งนี้ว่า ถือเป็นครั้งแรก และเป็นเรื่องที่ดีที่ได้มีการเจรจา ด้านการท่องเที่ยว ระหว่างกัน เพราะที่ผ่านมา ไทย และจีน ทางมณฑลยูนนาน มีเพียงเจรจาด้านการค้า และเศรษฐกิจการลงทุน ระหว่างกันเท่านั้น การนำเรื่องเส้นทางสายวัฒนธรรม ผูกรวมกับการท่องเที่ยว จะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันระหว่างประชาชนทั้ง 3 ประเทศได้อย่างดี
