สภาฯล่ม! รอบสอง องค์ประชุมไม่ครบ ฝ่ายค้านวอล์คเอ้าท์ประท้วงรัฐบาล แพ้โหวต สัญญาณร้ายของรัฐบาล
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เช้าวันนี้ล่มไม่เป็นท่าเป็นครั้งที่ 2 โดยพรรคร่วมฝ่ายฝ่ายไม่เข้าร่วม “สังฆกรรม”ด้วย อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ ที่ล่มเช่นกันเมื่อฝ่ายค้านเดินออกจากห้องประชุม (วอล์คเอาท์) ไม่พอใจต่อการเสนอให้นับคะแนนใหม่ของฝ่ายรัฐบาล เมื่อผลออกมา “แพ้โหวต”
จากกรณีที่ประชุมการสภาผู้แทนราษฏร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับการใช้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) การออกคำสั่งของและการใช้มาตรา 44 ของคสช. ที่เสนอโดยนายปิยะบุตร แสงกนกกุล ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ และนายสาธิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์แต่ปรากฏว่าฝ่ายค้านโหวตชนะด้วยคะแนน 234 ต่อ 230 เสียง งดออกเสียง 2 คน เท่ากับว่าฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตเพียง 4 เสียง โดยมี ส.ส.ประชาธิปัตย์ร่วมโหวตสนับสนุนด้วย 6 เสียง แต่รัฐบาลไม่ยอม โดยขอให้นับคะแนนใหม่ อ้างว่าเกิดความสับสนในการลงคะแนน จากนั้นเกิดการถกเถียงกันขึ้น นายชวน จึงได้วินิจฉัยว่าที่ประชุมต้องเป็นไปตามข้อบังคับ เมื่อมีสมาชิกร้องขอและมีผู้รับรอง ท่ามกลางเสียงโห่ของฝ่ายค้านดังลั่นห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรจนนายชวนต้องกล่าวเตือนให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยหลายครั้งจนถึงขั้นกล่าวว่า “นี่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่ใช่โรงเหล้า”
นายชวนจึงตัดบทให้ลงมติใหม่อีกครั้งด้วยวิธีขานชื่อพร้อมให้ทั้งสองฝ่ายส่งตัวแทนมาเป็นกรรมการตรวจนับคะแนน แต่ฝ่ายค้านกลับวอล์คเอาท์ จนต้องสั่งพักการประชุมเป็นเวลา 15 นาที
กระทั่งเวลา 18.50 น.สภาผู้แทนราษฎร กลับมาประชุมอีกครั้งหลังพักการประชุมไปกว่า 1 ชั่วโมง เนื่องจากไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่า จะลงมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับการใช้อำนาจ คสช. การออกคำสั่งและการใช้ ม.44 ของ คสช.ใหม่อีกครั้งหรือไม่ โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ยืนยันว่าจำเป็นต้องทำตามระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาฯ จึงทำให้สมาชิกหลายคนไม่พอใจ
จากนั้นนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวว่า การลงมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว ล้วนเป็นประโยชน์กับรัฐบาล แต่หลังจากสภามีคะแนนห่างกัน 4 คะแนน ก็ตอบคำถามไม่ได้ว่า การนับคะแนนใหม่นั้นจำเป็นหรือไม่ หากจะใช้ข้อบังคับต้องใช้ตามความเหมาะสม ย้ำว่า สภาต้องปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก แต่หากจะใช้คะแนนที่ห่างกัน 4-10 เสียง มาเป็นเหตุให้ต้องนับคะแนนใหม่ทุกครั้ง จึงขอความกรุณาจาก ส.ส.ฝั่งเสียงข้างมาก ไม่เช่นนั้น จะขอไม่อยู่ร่วมองค์ประชุมด้วย เพราะเท่ากับเสียงของตนเองไม่มีค่า
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า ส่วนตัวไม่ต้องการใช้ระเบียบข้อบังคับข้อ 85 ในการขอนับคะแนนใหม่ ยืนยันว่า การทำงานไม่ได้ต้องการชนะคะคาน แต่หากการทำงานเป็นมติวิปรัฐบาล ก็จะดำเนินตามมติวิปรัฐบาล และมีความจำเป็นที่จะเสนอนับคะแนนใหม่ และยืนยันว่า จะเสนอขอนับคะแนนใหม่ ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ยังยืนยันว่า ขอให้ทบทวนใหม่อีกครั้ง
แต่ประธานสภาฯ ก็ยังยืนยันสั่งให้นับคะแนนใหม่ ซึ่งการนับคะแนนใหม่ตามระเบียบข้อบังคับนั้น กำหนดให้เป็นการลงมติใหม่ด้วยการขานชื่อเป็นรายบุคคล พร้อมกล่าวต่อที่ประชุมว่า ขออภัยเพื่อนสมาชิกที่ไม่ถูกใจด้วย จึงส่งผลให้ ส.ส.ฝ่ายค้านทยอยเดินออกจากห้องประชุมสภาฯ และ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ยกมือขอให้ประธานสภาฯ สั่งนับองค์ประชุม ซึ่งประธานสภาฯก็ได้รับปากว่า จะต้องนับองค์ประชุมก่อนลงมติอยู่แล้ว
โดยจากสมาชิกทั้งหมด 499 คน จะต้องมีสมาชิก 250 คนจึงจะครบองค์ประชุมแล้วสามารถประชุมต่อไป แต่เมื่อนับองค์ประชุมแล้วพบว่า มีองค์ประชุมเพียง 92 คน มีสมาชิกหายไปจำนวนมากจากทั้งหมด 499 คน ถือว่า องค์ประชุมไม่ครบ ประธานสภาฯจึงสั่งปิดการประชุม แล้วประชุมสภาฯต่อในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.) อีกรอบ
สำหรับเสียงข้างมาก 234
เสียง เห็นด้วยกับการตั้งกมธ.ฯ เป็นเสียงของพรรคฝ่ายค้าน และมีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ลงมติเห็นด้วย เนื่องจากเป็นผู้เสนอญัตติ
ขณะที่เสียงข้างน้อยที่ไม่ให้ตั้งมี 231 เสียง โดยเป็นเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล และมีผู้งดออกเสียง จำนวน 2 เสียง คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง
ต่อมาเช้าของวันนี้ ปรากฎว่า เมื่อถึงเวลานัด สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรซีกฝ่ายค้านไม่ได้เข้าร่วมประชุม ทำให้องค์ประชุมไม่ครบอีกเป็นครั้งที่ 2 นายสุทิน คลังแสง ประธานวิดฝ่ายค้าน กล่าวว่า นี้เป็นเพียงบทเรียนเบื้องต้นจากฝ่ายค้าน
นี่เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่าเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลเริ่มส่อแววให้เห็นถึงปัญหาในสภาแล้ว และส่งสัญญาณให้เห็นว่า เสียงข้างมากของรัฐบาล วิปยังคุมไม่ได้ทั้งหมด แต่จะไปโทษกลุ่มของนายสาธิตย์ที่ยกเมื่อสวนมติวิปรัฐบาลก็ไม่ได้ เพราะเขาเสนอญัตติด้วย
ประเด็นคือเสียงของซีกรัฐบาลหายไป 18 คน (ไม่มาประชุม) ไปอยู่ที่ไหน ไปทำอะไรอยู่จนเป็นสาเหตุให้แพ้โหวตและสภาล่ม ซึ่งสภาล่มจะโทษฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษฝ่ายค้านด้วย เพราะองค์ประชุมต้องรับผิดชอบร่วมกัน
แค่สมัยประชุมที่ 2 ของสภาชุดนี้ ภาพลักษณ์ที่ออกมาประชาชนเริ่มเอือมระอาแล้ว ไม่ได้สร้างศรัทธาให้กับประชาชนเลย แถมยิ่งสร้างความตกต่ำให้ “นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง”ด้วยซ้ำ
ด้วยความเคารพ
นายหัวไทร
28 พฤศจิกายน 2562
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: