X

แบน 3 สารเคมีพิษ ปัญหาอมตะ ส่อบานปลาย กรรมการจาก สธ.ชิงลาออก

การแบน 3 สารเคมีอันตราย เป็นปัญหาอมตะที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร กรรมการวัตถุอันตรายจากสาธารณสุขเห็นแย้งมติใหม่

การสรุปว่า คณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติให้ขยายเวลาบังคับใช้ออกไปอีก 6 เดือน โดยจะให้มีผลบังคับใช้ 1 มิถุนายน และเป็นมติเอกฉันท์ 24 เสียง ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย จะไม่ตรงกับกรรมการบางคนที่ร่วมอยู่ในโต๊ะประชุมเดียวกัน และยืนยันด้วยซ้ำว่า “ไม่มีการลงมติ”

ล่าสุด รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ หนึ่งในคณะกรรมการวัตถุอันตราย โพสต์เฟชบุค ประกาศลาออกจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย และขอแย้งการแถลงข่าวของประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย

ยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวของกรรมการจากส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และผู้ทรงคุณวุฒิคนอื่นๆ เกี่ยวกับมติที่ออกมา เห็นแต่การเคลื่อนไหวในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข

โดยล่าสุด ปลัดกรทรวงสาธารณสุข พร้อมตัวแทนร่วมประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ย้ำชัด พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส-ไกลโฟเซต กระทบสุขภาพปนะชาชน ยืนยันมติหนุนมติเดิม ให้แบน 3 สาร มติเมื่อ 22 ตุลาฯ 62

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)พร้อมด้วย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะกรรมการวัตถุอันตราย 2 ท่านในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ให้แถลงย้ำจุดยืนกรณีการแบน 3 สาร

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คณะกรรมการวัตถุอันตราย ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันมติเดิม เพราะเรื่องสุขภาพประชาชนสำคัญกว่า สารเคมีทางการเกษตร มีพิษแบบเฉียบพลัน เช่น การฆ่าตัวตาย กับการสัมผัส รวมถึงการตกค้างในพืชผัก ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจพบ แม้แต่การตกค้างในดิน และน้ำ พบผู้ป่วยมากขึ้น ในอนาคตจะส่งผลต่อสุขภาพประชาชน มะเร็งพบมากขึ้น โรคสมองเสื่อม และส่งต่อจากมารดาสู่ทารกได้
.
“ไม่ว่าจะมีสารทดแทนหรือไม่ หากกระทบสุขภาพประชาชน กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักที่ต้องหาข้อมูล ให้ประชาชนมีความปลอดภัยที่สุด ต้องส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดโรค ดังนั้นจุดยืนเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
.
ขณะที่เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงการลงมติว่า ในส่วนคณะกรรมการไม่มีการลงมติ หรือยกมือลงมติแต่อย่างใด
.
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่รับรองมติที่ประชุมให้แบนสารเคมี 3 ชนิด ส่วนการประชุมเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ไม่มีการให้ยกมือ หรือลงมติรายบุคคลให้ยกเลิกมติเดิม ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขยืนยันในมติเดิม

รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ หนึ่งในคณะกรรมการวัตถุอันตราย โพสต์เฟชบุค ประกาศลาออกจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย และขอแย้งการแถลงข่าวของประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย
.
1.ขอแย้งว่าไม่ได้มีการลงมติอย่างชัดเจนว่า ผู้ใดเห็นด้วยหรือไม่ในแต่ละประเด็น แต่เป็นภาวะจำยอมในการรับมติ จึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น มติเอกฉันท์ เพราะหากพิจารณาในการอภิปรายจะพบว่า ดิฉันยืนยันชัดเจนมาโดยตลอดในการแบนสารทั้งสาม และยืนยันให้คงมติวันที่ 22 ตุลาคม
.
2.ขอแย้งการแถลงข่าวที่ว่า ไกลโฟเซตไม่เป็นอันตราย เพราะกรรมการรวมทั้งดิฉันได้อภิปรายถึงผลเสียต่อสุขภาพและไม่สามารถจะจัดการความเสี่ยงต่อผู้บริโภค จนพบปนเปื้อนทั้งในสิ่งแวดล้อม ผัก ผลไม้ และน้ำนมแม่
.
ส่วนความเห็นกรณีที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย มติเอกฉันท์ 24 เสียง ยืดเวลา 6 เดือน แบน “พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส” จำกัดการใช้ “ไกลโฟเซต” นั้น นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า “อัปยศประเทศไทย กลับมติเดิมได้ ” ขอถามทุกๆท่านว่า ถ้ามีผัก 2 กอง กองที่หนึ่งมีสารเคมี อีกกองไม่มีสารเคมี (เกษตรอินทรีย์) จัดมาให้คณะกรรมการทุกท่านเลือกทาน ท่านเลือกทานกองใด ถ้าคิดไม่ได้ ตอบไม่ถูก แนะนำไปทานกองที่ 3 คือ ทานหญ้าแทนข้าว (คำพูดที่ตัวผมเองพูดใน คณะกรรมการผู้ตรวจการแผ่นดิน ในนามกระทรวงสาธารณสุข)

“ผมขอชื่นชมการประกาศลาออกของ ศ.ดร.ภญ. จิราพร ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรมและเป็นกรรมการวัตถุอันตรายประกาศลาออกจากคณะกรรมการ และยืนยันว่าคำแถลงของกรรมการวัตถุอันตรายไม่ถูกต้องด้วยประการต่างๆ”
.
ส่วนนายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ในเมื่อไม่สามารถพึ่งรัฐ เรื่องอาหารปลอดภัย สิ่งที่ต้องช่วยกันคือใช้อำนาจผู้บริโภคโดยหน้าที่ของเรา

1) เดินหน้าช่วยกันให้ความรู้ผู้บริโภคด้วยกัน ผู้ขายติดฉลากหรือป้ายมาจากแปลงเคมีหรือไม่

2) ช่วยกันเดินหน้าสร้างตลาดเกษตรอินทรีย์

3) พัฒนา ชุดตรวจ ขณะนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สสส. และ 9 มหาวิทยาลัย และ ศ.ดร. พวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล กำลังประเมิน ชุดตรวจ 10 ชุด จากกลุ่มต่างๆ ในการตรวจ พาราควอต ไกลโฟเซต และกลุ่มฆ่าแมลง (ซึ่งรวมคลอไพริฟอส) ได้แก่ ออแกโนคลอรีน ออแกโนฟอสเฟต คาบาร์เมต และไพรีทรอยภายในปลายมกราคม จะได้ชุดตรวจน้ำ ที่สะดวก ถูก รวดเร็ว และในมีนาคม จะได้ชุดตรวจในพืช ผัก ผลไม้

นายแพทย์ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า ไม่นานนัก เราจะสร้างเกราะป้องกันภัยให้ตนเองและครอบครัวได้ เหล่านี้ ยังหมายความถึงทุกเรื่องในประเทศไทย ถ้าเราไม่ร่วมกัน ช่วยกัน หวังพึ่ง ลมๆ แล้งๆ เราเองและลูกหลาน คงจะประสบเคราะห์กรรมไปมากขึ้นกว่านี้ อีกเป็น สิบเป็นร้อยเท่า
.
“กรรมการวัตถุอันตราย และกรมวิชาการเกษตร รวมกระทั่งถึงกระทรวงอุตสากรรม และอื่นๆที่เกี่ยวข้องพยายามที่จะยัดเยียดสารเคมีพิษเหล่านี้ให้คงอยู่ในประเทศไทย โดยที่ไม่เคยคำนึงถึงอันตรายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตและสุขภาพโดยที่กระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงตัวเลข ผู้ป่วยที่เสียชีวิตทั้งเฉียบพลันและที่เกี่ยวเนื่องกับการได้รับสารเคมีเหล่านี้ต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรเองหรือเป็นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่”

นี้คือประเด็นที่ยังไม่จบลงง่ายๆว่าด้วยการแบน 3 สารเคมีอันตราย เมื่อแค่ความเห็นในการลงมติก็ยังไม่ตรงกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งยืนหยัดเดินหน้าแบนตามมติเดิม แต่อีกฝ่ายพยายามรวบรัด จือเวลาบังคับใช้ออกไปอีก 6 เดือน อันเป็นการต่อลมหายในให้กลุ่มทุน จะอ้างความไม่พร้อมของมาตรการรองรับ มันก็ความผิดของกรมวิชาการเกษตรหรือเปล่า ที่มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเคยยืดเวลาให้นานถึง 2 ปี ถึงเวลานี้ยังบอกว่าไม่พร้อม ไม่มีมาตรการรองรับ ถามสั้นๆว่า “ใครผิด ใครต้องรับผิดชอบ”

ด้วยความเคารพ
นายหัวไทร
28 พฤศจิกายน 2562

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน