ชาวสวนปาล์มได้เฮยาวๆ ราคาพุ่งทนานน่าจะทะลุ 5 บาท/ ก.ก. หลัง “เฮียสน” จัดให้ B 10 ; นายหัวไทร
หลังจากราคาผลปาล์มดิบร่วงลงมาต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว (2561) ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ (2562) จนช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง 20 มีนาคม 2562 เรื่องปาล์มน้ำมันจึงเป็นประเด็นให้พรรคการเมืองหลักหยิกยกมาเป็นนโยบายในการหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย ต่างก็นำเสนอแนวทางนโยบายแก้ไขปัญหาราคาปาล์มกันอย่างครึกโครม
หลังเสร็จศึกเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ร่วมลงเรือเหล็กไปด้วยกัน โดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาในสถานการณ์ที่ราคาปาล์มย่ำแย่ บางแห่งร่วงลงมาอยู่ที่ 1.59 บาท/ กก.ก็มี
จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพาณิชย์ จึงต้องเร่งมือมนการแก้ไขปัญหาราคาปาล์ม นโยบายประกันรายได้ จึงถูกหยิบยกมาใช้ ด้วยการประกันรายได้ปาล์มที่ ก.ก.ละ 4 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่
ข่าวน่าสนใจ:
- จัดกิจกรรมวิ่งการกุศล UNITHAI-CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง
- ตรัง จัดใหญ่ 12 วัน งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาดจ.ตรัง 4-15 ธ.ค.นี้ รีแบร์นใหม่! ย้อนยุคงานเหลิมแต่แรก แสดงบินโดรนพิธีเปิด วธ.ทุ่ม 3.4 ล้าน…
- ปิดตำนานนักเขียน "ตรี อภิรุม" ศิลปินแห่งชาติฯ เจ้าของผลงาน "นาคี"
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
ส่วนสนธิรัตน์ รัตนจิรวงศ์ รัฐมนตรีพลังงาน ก็รีบจัดให้โครงการสนับสนุนการใช้ B 10 และให้เป็นพลังงานหลักของประเทศด้วย ด้วยการคิกออฟโครงการที่สนามหน้าเมือง นครศรีธรรมราช ทั้งยังขยายแนวคิดในการสร้างโรงไฟฟ้าชุมชน พลังงานชุมชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
สองนโยบายนี้ ช่วยผลักดันให้ราคาผลปาล์มดิบขยับตัวสูงขึ้นทันที จากบาทกว่าๆ เป็น 4.32 บาท/ก.ก. และมีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นถึง 5 บาท / ก.ก.ด้วย
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ออกรายงานคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในปี 2563 จะอยู่ในระดับเฉลี่ยที่ 550 ดอลลาร์/ตัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 500 ดอลลาร์/ตันในปีนี้
ฟิทช์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันปาล์มดิบจะดีดตัวขึ้นในปีหน้า เนื่องจากเชื่อว่าความสมดุลของอุปสงค์-อุปทานน้ำมันปาล์มดิบจะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
รายงานของฟิทช์อ้างอิงตัวเลขคาดการณ์ของกระทรวงเกษตรสหรัฐเมื่อไม่นานมานี้ว่า ปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบทั่วโลกจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าการขยายตัวของผลผลิตประมาณ 2.8% ในช่วงปีการตลาด 2562 และ 2563
นอกจากนี้ รายงานของฟิทช์ยังระบุว่า การใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้ใช้น้ำมันปาล์มรายใหญ่สุดของโลกนั้น จะเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของอุปสงค์
ฟิทช์ยังระบุด้วยว่า ในขณะที่ยอดนำเข้าจากอินเดียซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นนั้น การปรับขึ้นภาษีนำเข้าซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการผลิตเมล็ดน้ำมันภายในประเทศนั้น อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของอุปสงค์
นอกจากนี้ รายงานของฟิทช์ยังระบุว่า ผลผลิตโดยเฉลี่ยของมาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับ 2 นั้น อาจจะชะลอตัวลงในปี 2563 เนื่องจากฝนตกน้อยลง และผลกระทบจากการลดปริมาณการใช้ปุ๋ย ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณสต็อกปรับตัวลดลงด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน
ถ้าดูจากรายงานของฟิชท์แสดงว่านโยบาย oil zero ของสหภาพยุโรป จะไม่มีผลมากนักต่อปัญหาราคาผลปาล์ม และน้ำมันปาล์ม เพราะอุปสงค์ และอุปทาน ยังรักษาสมดุลไว้ได้ อย่างนี้ขาวสวนปาล์มก็จะหน้าใส ยิ้มได้ไปอีก 1-2 ปี ส่วนระยะยาวต้องมาประเมินกันใหม่
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาถึงของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนเพิ่มเติมทั้งปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน และดูแลชาวสวนปาล์มด้วยการพัฒนาโอเลโอเคมิคอลต่อ
ยอดมูลค่าปาล์มน้ำมัน หลังจากที่มีการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล B 10 เป็นน้ำมันพื้นฐานหลักตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ หรือ CPO ได้ประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดของประเทศหรือประมาณ 2.2 ล้านตัน/ปี ซึ่งการสร้างสมดุลจะช่วยสร้างเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันทำให้ราคาสูงขึ้น รวมทั้งยังช่วยลดปริมาณฝุ่นพิษ PM 2.5 และยังประหยัดการนำเข้าน้ำมันได้ถึงประมาณ 1.8 ล้านลิตร/วัน
ทั้งนี้ ได้เปิดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการใช้ดีเซล B10 โดยมีกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย รวมทั้งสมาพันธ์สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทยเข้าร่วมการใช้น้ำมันดีเซล B10 เป็นดีเซลฐานแทน B7 เดิม กำหนดให้ B10 เป็นดีเซลฐาน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 และให้ B7 เป็นดีเซลทางเลือกสำหรับรถรุ่นเก่าและรถยุโรป และB20 เป็นดีเซลทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ตั้งเป้าหมายจะสามารถจำหน่าย B10 ได้ทุกสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ
หลังจากรัฐบาลยื่นมือเข้าไปช่วยชาวสวนปาล์ม ทั้งการประกันรายได้ ของกระทรวงพาณิชย์ ที่กิโลกรัมละ 4 บาท และการคิกออฟน้ำมัน B 10 ทำให้ราคาผลปาล์มดิบถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยตกต่ำลงไปแตะกิโลกรัมละ 1.90 บาท จนถึงปัจจุบันราคามาอยู่ที่กิโลกรัมละ 4.32 บาท ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณไปจ่ายค่าส่วนต่างอีกแล้ว สร้างความพึงพอใจให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มกันถ้วนหน้า
ก็ขอให้นโยบาย B 10 เดินหน้า และขยายผลต่อไป เพื่อลดปริมาณน้ำมันปาล์มจากตลาด และรักษาสมดุลอุปสงค์ อุปทานไว้ให้ได้ ไม่ให้น้ำมันปาล์มขาดตลาดด้วย
ด้วยความเคารพ
นายหัวไทร
13 ธันวาคม 2562
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: