ชวนดูสถานการณ์ที่เกิดหลังจากนี้ ว่าจะ “ยุบสภา” หรือ “ไม่ยุบสภา” ?? หลังจากเมื่อวานนี้เราได้เห็นละครการเมือง ที่เป็นแค่ฉากหนึ่งของหนังใหญ่กันแล้ว
หลังพรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ที่ จ.ชุมพร เขต 1 และ จ.สงขลา เขต 6 โดยเฉพาะกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ปราศรัยเปรียบคนรวย คนจน ให้ประชาชนเลือก ส.ส.ที่มีชาติตระกูลดี และเป็นคนมีตังค์ จนถูกมองและวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้พรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้ง
และต่อมามีแชทไลน์หลุดนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และกรรมการบริหารพรรค เสนอให้ทำโพลว่า พรรคพลังประชารัฐตกต่ำ เพราะร.อ.ธรรมนัสหรือไม่นั้น
ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าการเลือกตั้งซ่อมคราวนี้พรรคพลังประชารัฐไม่ได้นำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นตัวชูโรงเหมือนที่ผ่านๆมา ซึ่งอาจจะมองว่า กระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน
การหาเสียงเลือกตั้งซ่อมทั้งสองเขต เราจึงเห็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไปขลุกอยู่ในพื้นที่ และขึ้นเวทีปราศรัยบ่อยครั้งมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
แต่หลังเสร็จศึกเลือกตั้งซ่อม พร้อมกับความพ่ายแพ้ กระแสในพรรคพลังประชารัฐ กับความไม่พอใจต่อ ร.อ.ธรรมนัส พุ่งขึ้นสู่จุดพีค ถึงขั้นเตรียมทำโพลแบบสอบถามชี้นำ อันมีเป้าหมาย “ปลดธรรมนัส” พ้นเลขาธิการพรรค
หมากเกมนี้ “ผู้กองธรรมนัส” รู้แกว เดินเกมที่ใหญ่กว่า “ล้มประยุทธ์ รอบ 2”
เมื่อวานมีเกมล้มประยุทธ์รอบสองจึงเริ่มขึ้นกับเกมในสภา เมื่อกฎหมายการเงินของรัฐบาลเข้าสภา (พ.ร.บ.เงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา) ซึ่งถ้ากฎหมายการเงินไม่ผ่าน นายกฯ ต้องรับผิดชอบ
เกมทำให้สภาล่มจึงเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาจะโหวต เสียงในสภาไม่ครบองค์แน่ๆ นายกฯประยุทธ์รู้ทัน ให้พรรคเล็กในรัฐบาล เสนอนับองค์ประชุมเอง และสุชาติ ตันเจริญที่ทำหน้าที่ประธานอยู่ในเวลานั้นก็ทันเกม สั่งปิดประชุมก่อน
เมื่อเกมที่วางไว้ไม่สำเร็จ ซีกผู้กองธรรมนัส เดินต่อบนตาหมากรุกที่เหนือกว่า ให้ ส.ส.ในสังกัด ลงชื่อลาออกจากพรรค 22 คนกดดันให้ยุบสภา เพราะถ้าลาออกมากขนาดนี้ แล้วเลือกตั้งซ่อมคนด่าตายห่ากับสถานการณ์แบบนี้ และอายุของสภาก็เหลือน้อยแล้ว
พล.อ.ประวิตร ไม่ให้ลาออก ขอเป็นขับออกจากพรรค ถ้าขับออกจากพรรคก็ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ แต่ต้องหาพรรคสังกัดใน 30 วัน จะได้ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ และ พล.อ.ประวิตร ยังยกพรรคเศรษฐกิจไทยให้ “ผู้กองธรรมนัส” ที่เคยเตรียมไว้ให้ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย กับ ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย ตั้งพรรค แต่ตั้งไม่สำเร็จ ตัวพรรคยังอยู่ มีสมาชิก มีสาขาพรรคอยู่บ้างแล้ว
พล.อ.ประวิตร กับ ร.อ.ธรรมนัส ยังตัดกันไม่ขาด “บัวยังเหลือใย” จึงยกพรรคเศรษฐกิจไทยให้ ร.อ.ธรรมนัส ไปก่อร่างสร้างรังใหม่
แต่จะส่ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา น้องรัก ไปนั่งเป็นหัวหน้าพรรค และส่ง พล.ต.อ.พัชรวาส วงษ์สุวรรณ น้องชายไปเป็นเลขาธิการพรรคด้วย
หลังจากนี้ไปอยู่ที่ ร้อยเอกธรรมนัส ว่า จะวางฐานะของพรรคนี้ไว้ตรงไหน เป็น “ฝ่ายค้าน” หรือ “ฝ่ายรัฐบาล” ถ้าเลือกที่จะไม่สนับสนุนรัฐบาล จะทำให้เสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำอีกครั้ง เหลือเพียง 256 เสียง เกินกึ่งไปแค่ 5 เสียง ขนาดเสียง 277 เสียง สภายังล่มแล้วล่มอีก ยังนึกไม่ออกว่าถ้า 256 เสียง งานในสภาจะเดินไปอย่างไร
ยิ่งถ้า ร.อ.ธรรมนัส เลือกไปอยู่กับฝ่ายค้านอีก จะยิ่งไปกันใหญ่ จะทำให้เสียงฝ่ายค้านเพิ่มจาก 209 เสียง เป็น 230 เสียงทันที
อย่าลืมว่าสัปดาห์หน้า พรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้ว แม้จะเป็นการอภิปรายแบบไม่ลงมติก็ตาม แต่ก็ทำให้รัฐมนตรีเสียวสันหลังได้เหมือนกัน
หนังใหญ่ฉากสำคัญของการเมืองกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว จึงมีแต่คนถามว่า “จะยุบสภาหรือเปล่า” แม้นายกฯ ประยุทธ์ จะออกมายืนยันว่า “ไม่ยุบ” แต่การเมืองมันเป็นเรื่องไม่แน่ไม่นอนครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้
#มากกว่าข่าว #นายหัวไทร #พลังประชารัฐ #ธรรมนัส
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: