ย้อนดูหนึ่งใน “สนิมเหล็ก” ของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ “สนธยา” พี่ใหญ่แห่งบ้านใหญ่ชลบุรี เปิดศึกกับ “สุชาติ” รมว.แรงงาน ส.ส.ชลบุรี ปมแค้นฝังลึกหลังเลือกตั้ง ปี 2562 สะท้อนภาพพรรคฯ กำลัง “ร้าวลึก!!”
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในภาวะง่อนแง่นยิ่ง ปรากฎการณ์ที่ประจักษ์ คือ การประชุมสภาที่ล่มแล้วล่มอีก จนพรรคกล้า ซึ่งไม่มี ส.ส.ในสภาต้องลุกขึ้นมายื่นให้แก้ไขระเบียบการประชุม ใครขาดประชุมให้ตัดเงินเดือน ส.ส. และลากยาวไปถึงให้พรรคต้นสังกัดไม่ส่งลงเลือกตั้งในครั้งคราต่อไป
นอกจากนี้ ยังสะท้อนผ่านปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ขัดแย้งกันถึงขั้นลงมติขับ 21 ส.ส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นพรรค จนต้องระหกระเหินไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย 18 คน ไปอยู่พรรคภูมิใจไทย 3 คน
สะท้อนผ่านความขัดแย้งของกลุ่มชลบุรี ระหว่างบ้านใหญ่ “คุณปลื้ม” ทายาทแห่งกำนันเป๊าะ-สมชาย คุณปลื้ม ผ่านพี่ใหญ่ สนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ที่ไม่พอใจต่อการจัดทัพใหม่ของ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น แบบเต็มจังหวัด ไม่เว้นช่องให้คุณปลื้มได้หายใจ
“ก็เด็กมันอยากจะมีมุ้งของเขา” เสียงสะท้อนมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า “เสี่ยเฮ้ง” อยากมีที่ยืนเป็นซุ้มของตัวเอง ไม่อยากอยู่ใต้ปีกของใคร
“เมื่อเป็นอย่างนี้ เลือกตั้งครั้งหน้าต่างคนต่างอยู่” เสี่ยเฮ้ง กล่าว
การเปิดศึกของสนธยา คุณปลื้ม พี่ใหญ่แห่งบ้านใหญ่ชลบุรีกับ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส.ส.ชลบุรี เป็นเหตุจากความแค้นฝังลึกหลังเลือกตั้ง ปี 2562
เสี่ยเฮ้งไม่พอใจที่สนธยา ดอดไปแอบคุยเอาโควต้ารัฐมนตรีหนึ่งเก้าอี้ของชลบุรี ไปให้น้องชาย “อิทธิพล คุณปลื้ม”ทั้งๆที่อิทธิพลสอบตก อีกทั้งผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรีของกลุ่มสนธยา ที่ลงสมัครในพื้นที่โซนชายทะเลทั้งสามคนในพื้นที่เกาะสีชัง, ศรีราชา, นาเกลือ, บางละมุง พากันสอบตกหมด ทั้ง อิทธิพล คุณปลื้ม, ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ และ พันธุ์ศักดิ์ เกตุวัตถา
แฟ้มภาพ : สุชาติ ชมกลิ่น
แต่ทีมของสุชาติ สอบได้หมด ทั้งสามคน ส่วน ส.ส.ชลบุรี อีกสองคนของพลังประชารัฐเป็นสายกลุ่มสามมิตรเดิมในปีกของตระกูล เนื่องจำนงค์ ตระกูลคหบดีใหญ่ในชลบุรี
กลุ่มสนธยา ไม่มี ส.ส.ในมือแม้แต่คนเดียว แต่สนธยา กลับไปเจรจาขอเก้าอี้รัฐมนตรีกับบิ๊กป้อมให้กับน้องชาย อิทธิพล ทั้งที่ตกลงกับสุชาติแล้วว่าโควต้ารัฐมนตรีให้วัดกันที่ผลงานหลังเลือกตั้ง
แฟ้มภาพ : สนธยา คุณปลื้ม
ปฐมบทของรอยแค้นการเมืองที่สุชาติ เก็บงำไว้ในใจ ต้องกัดลิ้นกลืนเลือดมาร่วมปี พร้อมข่าวที่เล็ดลอดออกมาจะ
แยกตัวออกมาจากกลุ่มสนธยา แล้วก็เร่งสร้างบารมีการเมืองของตัวเองในพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน ส.ส.พลังประชารัฐ จนดึงส.ส.จากจังหวัดอื่นมาอยู่ในกลุ่มเสี่ยเฮ้ง ได้จำนวนหนึ่ง
ประกอบกับข่าวกลุ่มบ้านใหญ่จะหวนกลับบ้านเดิม “พลังชล” เสี่ยเฮ้งจึงต้องเดินหน้าจัดทัพหาผู้สมัครใหม่ในนามพลังประชารัฐ และไปทับเส้นของคุณปลื้มด้วย
หลังได้เก้าอี้รัฐมนตรีแรงงาน ที่เป็นการปรับให้ตามสัญญาใจจากบิ๊กตู่และบิ๊กป้อม จากนั้น สุชาติ ก็เริ่มสร้างบารมี และขยายอาณาจักรการเมืองของตัวเอง จากชลบุรีออกไปอีกหลายจังหวัดเช่น เพชรบุรี ระยอง เป็นต้น
ความขัดแย้งถึงขั้นมีการทวงบุญคุณ มีการระบุเรื่องคนทรยศ คนหักหลัง ก้องมาจากสายคุณปลื้ม เปรียบอีกฝ่ายว่าเป็นสุนัข มีการด่ากลับเรื่องอดีตเจ้านายเป็นอัลไซเมอร์
ซึ่งสภาพที่เห็นยากที่ลูกน้ำเค็ม ชลบุรีจะมองหน้ากันติด สบตากันได้สนิทใจเหมือนก่อน
ดูจากหน้าเสื่อ โอกาสที่ กลุ่มคุณปลื้ม จะออกไปจากพลังประชารัฐ น่าจะเกินห้าสิบเปอร์เซนต์ไปแล้ว
เหล่านี้คือปัญหาในพรรคพลังประชารัฐที่สั้นสะเทือนเสถียรภาพของรัฐบาล
เพื่อความมั่นใจนายกฯ ประยุทธ์ลั่น “หนูช่วยหน่อย” จนหนูต้องกาง 260 เสียงให้นายกฯตู่ได้ชื้นหัวใจ และยืนยันว่า เขาเป็นนางสีดาในวรรณคดี “รามเกียรติ์” คือผู้เสียสละ ช่วยเหลือพระราม จนทศกัณฐ์มาอุ้มพาหนีไปยังกรุงลงกา แต่นางสีดา ก็ยังไม่ยอมตกร่องปล่องชิ้นกับทศกัณฐ์ แถมยังเป็นไส้ศึกให้พระรามยกทัพไปตีกรุงลงกา เมื่อยักษ์จนแตกพ่าน ผ่านทางหนุมาน
กล่าวถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่เริ่มก่อรูปขึ้นในเดือนมิถุนายน 2562 หลังเสร็จศึกเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 เด่นชัดยิ่งว่ามี 250 เสียงของ ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของหัวหน้า คสช.ประสานสอดรับเข้ากับ 116 ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อบวกรวมเข้ากับ 53 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย 51 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 10 ส.ส.พรรคขนาดเล็ก ดัน พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจต่ออีกสมัย
จากเดือนมิถุนายน 2562 มาถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 การดำรงอยู่ของ 250 ส.ว.อาจมีที่แยกแตกตัวออกมาบ้างแต่มิได้มากมายจนก่อให้เกิดความตระหนกว่าจะผิดเพี้ยน ไม่มีสัญญาณร้ายใดๆจาก ส.ว.เพราะตั้งมากับมือ
เมื่อมองเข้าไปยังเนื้อใน 116 เสียง ของพรรคพลังประชารัฐก็มีอย่างน้อย 21 เสียง ที่บางส่วนกลายเป็น 18 ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย และมี 3 ส.ส.ไปสังกัดอยู่กับพรรคภูมิใจไทยอย่างที่กล่าวไว้
เชิงปริมาณ 97 เสียง ของพรรคพลังประชารัฐอาจมองว่าหนักแน่น เหนียวแน่นมาก แต่สนิทที่เกิดจากเนื้อใน ก็ทำให้หวั่นไหวได้เหมือนกัน
กว่า 63 ส.ส.ที่พรรคภูมิใจไทยมีอยู่ในมือ “เสี่ยหนู” พยายามการันตีถึงความเหนียวแน่น แบะหนักแน่นในการพยุงสถานะการดำรงอยู่ของรัฐบาล แม้จะมีเสียงคำรามมาจาก “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ ว่า ถ้ากฎหมายของพรรคไม่ผ่าน ก็จะถอนตัวจากกร่วมรัฐบาล แต่เป็นเสียงคำรามที่ขาดน้ำหนัก เมื่ออนุทิน ชาญวีระกูล ออกมาบอกว่า ให้ฟังเสียงหัวหน้าพรรคคนเดียว และครูแก้วพูดเล่น
ถ้าถามว่า 97 ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ มีความแข็งแกร่ง มั่นคง และไว้วางใจได้มากน้อยเพียงใด ก็สะท้อนผ่านสารพัดปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐเอง แม้กระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็มิอาจให้คำตอบได้ด้วยความมั่นใจ
ปัญหาของพรรคพลังประชารัฐมิได้อยู่ที่ว่าจะลากถูกันไปจนครบวาระ หรือยุบสภาเลือกตั้งใหม่ หากแต่จะมั่นใจได้หรือว่าจะรักษาฐานะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอาไว้ได้
นายหัวไทร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: