รวมไทยสร้างชาติ ขุมข่ายใหม่ “หนุนลุงตู่” คึกคัก ราชครู สร้างความแข็งแกร่ง
มวลสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เริ่มขยับตัวคึกคักอีกครั้ง หลังเปิดตัวเมื่อสามเดือนก่อนของ ดร.เสกสกล อัตถาวงค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดตัวพรรค และมีแนวทางชัดเจนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี คึกคักอีกครั้งเมื่อมีข่าว
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เตรียมลาออกจากสมาชิกพรรรคพลังประชารัฐ ไปเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้พีระพันธุ์ จะยังยืนยันเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอยู่นั้นก็ตาม แต่ถึงวันประชุมใหญ่เดี๋ยวก็รู้ การเมืองอะไรมันก็เกิดขึ้นได้
เดิมพรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ในวันที่ 31 มี.ค. ที่สโมสรราชพฤกษ์ ล่าสุด ได้เปลี่ยนแปลงสถานที่การประชุม ไปเป็นที่หอประชุมมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา เริ่มในเวลา 09.00 น.วาระการประชุมที่สำคัญ เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ (เปลี่ยนกรรมการบริหาร /จัดทัพรับเลือกตั้ง) เลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคชุดใหม่ และการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค โดยการเปลี่ยนแปลงสถานที่ประชุมใหญ่เกิดขึ้นหลังจากดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมพลังประชาชาติไทย และมีกระแสข่าวจะมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
การที่ดวงฤทธิ์ จะออกจากรวมพลังประชาชาติไทย ที่สุเทพ เทือกสุบรรณ และคณะก่อตั้งขึ้น สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกัน แต่การเลือกตั้งปี 2562 พรรคลุงกำนันไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก ได้ สส.มาแค่ 5 คน แต่เป็น 1 ในพรรคร่วมรัฐบาล ในช่วงแรกมีหม่อมราชวงค์ จัตุมงคลโสณกุล เป็นรัฐมนตรีแรงงาน แต่เมื่อมีการปรับ ครม.มีการแลกกระทรวงกันกับพรรคพลังประชารัฐ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ มานั่งเป็นหัวหน้าพรรคแทน มรว.จตุมงคล และนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงอุดมศึกษา และการวิจัย
สัญญาณเหมือนกับว่า ส่งดวงฤทธิ์มากรุยทาง เพื่อเตรียมการรวมพรรคระหว่างพรรครวมพลังประชาชาติไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติในอนาคต แต่ยังมีเป้าหมายเดิม คือ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก 1 สมัย เพราะมองไปข้างหน้ากับการเลือกตั้งบัตรสองใบ พรรคเล็กรอดยาก
คึกคักไม่ใช่แค่นั้น มีการเตรียมการย้ายที่ทำการพรรคมาอยู่ในซอยราชครู เป็นที่รับรู้กับว่า “ซอยราชครู” คือซอยการเมือง ตั้งแต่ยุคสมัยก่อนโน้น ทั้ง พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ปองพล อดิเรกสาร ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ต้นตอก็มาจากรากเง้าเดิม แห่งตำนานราชครูทั้งนั้น
ปรพล อดิเรกสาร อดีต ส.ส.สระบุรี ลาออกจากต้นสังกัดเดิม มาสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติก่อนแล้ว พร้อมกับชวนผู้พ่อ “ปองพล อดิเรกสาร” มาร่วมงานด้วย ซึ่งปองพล ก็ตอบรับด้วยความยินดีหลังฟังลูกอธิบาย และพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ทำงานการเมืองต่อ
ปองพลล้างมือจากการเมืองมาระยะหนึ่งแล้ว พร้อมๆกร ทัพพะรังสี อีก 1 ทายาทแห่งราชครู โดยปองพลไปสนุกอยู่กับการเดินทางท่องโลกผลิตสารคดีกับลูกสาว แต่เมื่อถูกลูกชายชักชวนปองพลก็กลับมา และไม่ใช่กลับมาธรรมดา เปิดบ้านตำนานราชครู ให้เป็นที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมมานั่งเตรียมการให้กับพรรค ทั้งเตรียมการประชุมใหญ่ เตรียมการเลือกตั้ง เตรียมจัดทำนโยบายของพรรค ซอยราชครูก็จะเป็นฐานของพรรครวมไทยสร้างชาติ
ส่วนในต่างจังหวัดก็มีการเคลื่อนไหวคึกคัก แกนนำที่จะมีหน้าที่ดูแลในแต่ละภาคก็เริ่มขับเคลื่อน เดินสายชักชวน หาตัวผู้สมัครอย่างจริงจัง และเริ่มจัดวางตัวบุคคลที่จะลงเลือกตั้งบ้างแล้ว มีทั้งเกรด A เกรด A และเกรด C พร้อมลงสู้ศึกไม่ว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นเมื่อไหร่ รวมไทยสร้างชาติพร้อม
รอจับตาว่า การประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติจะเลือกใครมาเป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และรองหัวหน้าพรรคแต่ละภาค ภาพก็จะชัดเจนขึ้น ซึ่งหัวหน้าพรรคขอให้โฟกัสไปที่พีระพันธ์ กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.
ส่วน ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ (แรมโบ้) ผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เริ่มเร่งสร้างผลงานในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเดินราคา ก็เดินหน้าลุยอย่างเข้มข้น
ลุย “มังกรฟ้า” ขายสลากออนไลน์ โดยมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมเข้าร่วมในการตรวจสอบด้วย
ซึ่งตรวจสอบพบมีการกว้านซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากรายย่อยมารวมเลข และขายเกินราคาที่กำหนด 80 บาท โดยที่สำนักงานมังกรฟ้าพบว่ามีการสแกนสลากกว่า 2 ล้านใบ
ทิ้งช่วงมาแค่สองวัน “แรมโบ้”ลุยต่อแบบไม่กลัวตอ
พร้อมด้วย พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผอ.กองสลากฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำหมายศาล บุกเข้าตรวจค้น บริษัท กองสลากพลัส ภายในซอยเอกมัย
กองสลากพลัส เป็นผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ ลักษณะเดียวกันกับบริษัท มังกรฟ้า แต่กองสลากพลัสไม่ได้รับการจัดสรรโควตา มีการกว้านซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากผู้ได้รับโควตาผู้ค้ารายย่อยและบุคคลทั่วไป แล้วนำเข้าสู่ระบบแพลตฟอร์มกองสลากพลัส เสนอขายหรือแทรกแซงกลไกราคา จนทำให้ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมูลค่าสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยพบยอดวงเงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท มีสลากกินแบ่งรัฐบาลร่วม 4 ล้านใบ
ทั้งนี้มีความพยายามมาทุกยุคทุกสมัยในการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพง ขายเกินราคา มีข้อเสนอมากมายในการแก้ไขปัญหาแต่ละยุคแต่ละสมัย ทั้งการยกเลิกระบบโควต้าที่มี 5 เสือกองสลากคุมอยู่ การยึดโควต้าคืนมาจัดสรรใหม่ ลงทะเบียนผู้ค้าใหม่ สารพัดวิธีรวมถึงการขายออนไลน์ แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหา “หวยแพง”ได้ จนเป็นที่นินทากับทั้งเมืองว่า มีแต่ตำรวจ กองสลาก ที่มองไม่เห็นหวยแพง
ถ้าแรมโบ้ลุยจริงชนจริงแบบไม่กลัวตอ ไม่ไว้หน้าเจ้ ก็จะเป็นผลงานชิ้นเอกที่จะจดจำไปทั้งชีวิต และตลอดไป และพรรครวมไทยสร้างชาติก็นำไปอวดอ้างเป็นผลงานได้อย่างไม่อายใคร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: