สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ร่วมกับ กสทช. ตั้งทีมวางมาตรการควบคุมผู้ประกอบธุรกิจการให้บริการกิจการโทรคมนาคมโดยผิดกฎหมาย หลังพบมิจฉาชีพใช้บริการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตเน็ตหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนมาก
วันนี้ (23 พ.ค.61) เมื่อเวลา 11:30 น. ที่ผ่านมา ที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไท พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วย พล.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 , พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 , พ.ต.อ.นิธิธร จินดกานนท์ รอง ผบก.สปพ. , พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก.สน.พญาไท และ นายพิชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม ร่วมกันแถลงข่าววางมาตรการควบคุมผู้ประกอบธุรกิจการให้บริการกิจการโทรคมนาคมโดยผิดกฎหมาย ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และการสืบสวนแผนประทุษกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้ใช้บริการโทรศัพท์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตหรือที่เรียกว่าระบบ voip Voice Over internet protocal เป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับการสื่อสารทางโทรศัพท์ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ชุมสายโทรศัพท์ก็สามารถโทรได้ทั่วโลก
ทั้งนี้ ทางศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้รับร้องเรียนจากประชาชนทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2560 – 22 พฤษภาคม 2561 รวมจำนวน 436 คดี มูลค่าความเสียหายรวม 225,572,288.65 บาท สร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก
จากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์คนร้ายที่โทรเข้ามาหลอกลวงผู้เสียหาย พบว่า เป็นการกระทำพบว่าเป็นการโทรศัพท์ผ่านระบบ Voice over Internet Procotal หรือ VoiP โดยผู้ให้บริการเป็นผู้ที่ซื้อหมายเลขโทรศัพท์จากค่ายโทรศัพท์มือถือหลักของประเทศจะต้องตรวจสอบการให้บริการของบริษัทดังกล่าว ซึ่งพบว่าเป็นการให้บริการโดยผิดกฎหมาย
โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เชิญสำนักงาน กสทช. เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า ได้มีการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 หรือไม่อย่างไร โดยสำนักงาน กสทช. ได้แจ้งให้ 5 บริษัทมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสำนักงาน กสทช. เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 จึงตรวจสอบพบว่า มี 3 บริษัทผู้ให้บริการกิจการโทรคมนาคม ได้ให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท และ สน.ดอนเมือง
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำและรับคำร้องทุกข์ตามกฎหมายไว้แล้ว และได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการตามกฎหมาย โดยบริษัทดังกล่าวกระทำเกินกว่าขอบเขตที่ได้รับอนุญาตในการประกอบกิจการโทรคมนาคม อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 มาตรา 7 (1) และมาตรา 67 (1) ในข้อหา “ประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต (ไม่มีโครงข่ายให้บริการเสียง , ข้อมูล พหุสื่อ แก่บุคคลทั่วไปทั่วประเทศ) มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานเลขาธิการ กสทช. จะทำการตรวจสอบบริษัทผู้กระทำผิดในลักษณะเช่นนี้ทุกราย เพื่อบรรเทาปัญหาการใช้ช่องทางดังกล่าวกระทำความผิด หลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และให้บริษัทที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังต่อไป
