รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แนะ คสช. ไม่ควรดำเนินคดีข้อหาหนักกับ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ชี้ผลเสียจะตกที่ที่ คสช. เอง
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยถึงกรณีแกนนำ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ที่ถูกดำเนินคดีว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ คสช. เข้ามาบริหารประเทศ เทียบเท่ากับการบริหารประเทศของรัฐบาลปกติ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีคนออกมาต่อต้าน ดังนั้น คสช. ควรผ่อนปรนกับกลุ่มคนที่ออกมาชุมนุมเพื่อทวงสัญญา ไม่ควรฝากขัง จนต้องมาขอประกันตัวเลย ที่สำคัญกลุ่มคนเหล่านี้มีสิทธิชุมนุมตามที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ และความผิดที่นักศึกษาโดนก็เป็นความผิดจากคำสั่ง คสช. ไม่ใช่ความผิดตามกฎหมายปกติ และคนที่มาชุมนุมก็มีไม่มาก จึงควรปล่อยให้เขาแสดงออกตามสมควร แต่หาก คสช. ไปเข้มงวดและดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุดกับกลุ่มที่อยากเลือกตั้ง เพราะสุดท้ายผลเสียอาจตกอยู่กับ คสช. ทั้งในสายตาของคนไทยและชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ยังกล่าวถึงกรอบเวลาการเลือกตั้งว่า ขณะนี้เหลือเพียงร่างกฎหมาย ส.ส. ที่ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งผลที่เป็นไปได้น่าจะมี 3 ทาง คือ ไม่ขัด , ขัดบางส่วน และขัดสาระสำคัญอันเป็นเหตุให้ร่างกฎหมายเป็นอันตกไป ซึ่งหากร่างกฎหมายตก ก็ยังไม่สามารถทำให้ทราบวันเลือกตั้งได้ แต่หากไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะเห็นเริ่มเห็นภาพวันเลือกชัดเจนมากขึ้น คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยื่นทูลเกล้าฯ ในเดือน มิ.ย. 61 หลังประกาศใช้ก็รอบังคับใช้อีก 90 วัน หรือประมาณช่วงเดือนธันวาคม 2561 ก็จะสามารถจัดให้มีการเลือกตั้งได้ภายใน 150 วัน หรือประมาณพฤษภาคม 2562 แต่หากรัฐบาลต้องการให้การเลือกตั้งเกดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ ก็ต้องลดเวลาจัดเลือกตั้งจาก 150 วันให้ใช้เพียง 60 วัน
อย่างไรก็ตาม จะมีเหตุยื้อการเลือกตั้งหลังจากนั้นอีกหรือไม่ นายปริญญาเห็นว่าในรัฐธรรมนูญกำหนดต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 150 วัน นับแต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประกาศใช้ ดังนั้น จึงไม่น่ามีการดำเนินการใดๆ อันชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ที่จะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป เพราะเมื่อกฎหมายประกาศใช้แล้วก็ต้องใช้บังคับและจัดการเลือกตั้ง ส่วนจะใช้ ม.44 เพื่อยื้อเวลาเลือกตั้งอีกก็สามารถทำได้ แต่ คสช.ต้องมีเหตุชี้แจงสังคม
