กระแสต้าน ปตท. ชาวบ้าน จ.ระนอง ประสบวิกฤติค่าครองชีพ ผนวกราคาน้ำมันแพงลิ่วลิตรละ 30 บาท กรทบค่าใช้จ่ายครัวเรือน ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน พม่า – มาเลย์ – อินโด ใช้น้ำมันราคาถูกกว่า เลยเกิดพลังเงียบนัดกันไม่เติมน้ำมัน ปตท. 1-7 พ.ค.นี้ หวังสะท้อนปัญหาถึงผู้บริหาร ปตท. ช่วยเหลือ
จากกรณี เกิดกระแสการต่อต้าน ปตท.ผู้ผลิตและค้าน้ำมันรายใหญ่เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจที่ราคาน้ำมันขยับราคาเกิน 30 บาท ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการครองชีพของประชาชน ที่ปัจจุบันส่วนใหญ่ต่างประสบปัญหาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ราคาสินค้าทางการเกษตรที่ตกต่ำ ในขณะที่ ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นในทุกด้าน แต่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมหรือหาทางออกให้กับประชาชนได้ จึงเกิดกระแสโซเชียลต่อต้าน ปตท. หยุดเติมน้ำมัน 1-7 มิ.ย.
วันที่ 28 พ.ค.61 นายบุญเลื่อน พรหมประธานกุล นักข่าว 77 ข่าวเด็ด จ.ระนอง live สดบริเวณท่าเทียบเรือต.บ้านปากน้ำ จ.ระนอง ห่างจากตัวเมือง 10 กม. ว่า ท่าเรือดังกล่าวอยู่ติดกับทะเลอันดามัน ชายฝั่งประเทศพม่า มีการขนถ่ายน้ำมันจาก จ.ระนอง วันละประมาณ 20 คันรถ ในราคาะลิตรละ 18 บาท เนื่องจาก ราคาน้ำมันที่หน้าโรงกลั่น จ.ระนอง ส่งไปพม่า เป็นไปตามสัมปทานเก่า
ขณะที่บ้านเรา เป็นอีกราคาเพราะนำเข้าจากสิงคโปร์ ต้องเสียภาษีนำเข้า และค่าขนส่ง
เมื่อเทียบกับ ประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่หันมาใช้ระบบใหม่แล้ว โดยยกเลิกสัมปทานเดิม ทำให้โครงสร้างราคาน้ำมันถูกลง ซึ่งรัฐบาลไทยต้องแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ อาจใช้วิธีการพยุงราคา หรือลดการจัดเก็บเงินกองทุนราคาน้ำมันฯลฯ
สำหรับข่าวที่ว่า ชาว จ.ระนอง นัดแนะกันผ่านสื่อโซเชียลให้หยุดเติมน้ำมัน ปตท.ในวันที่ 1-7 พ.ค.นี้ เป็นการคุยผ่านกลุ่มไลน์ และเฟซบุ๊ก ประมาณ 40-50 กลุ่มในจังหวัด มีการพูดคุยกันในสภากาแฟ เป็นการแสดงออกของชนชั้นกลาง เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมีผลกระทบต่อรายได้ครอบครัว ซึ่งเป็นการประท้วงเงียบ ร่วมกันแสดงออก
โดยชาวบ้านระบุว่า ราคาน้ำมันดีเซลไม่ควรเกินลิตรละ 30 บาท ส่วนเบนซิน 95 ขณะนี้ลิตรละกว่า 30 บาทแล้ว หากราคาลดลงได้อีกก็เป็นการดี เพราะเดือดร้อนจริงๆ ชาวบ้านต้องใช้ น้ำมัน และแก๊ส ทุกวัน อยู่ในภาวะจำยอม จึงวอนผ่านผุ้บริหาร ปตท.ให้เห็นใจชาวบ้าน ด้วยการปรับลดราคาน้ำมัน
และที่สำคัญ จ.ระนอง อยู่ติดชายแดนพม่า ชาวบ้านเห็นรถบรรทุกน้ำมันขับผ่านข้ามฝั่งไปทุกวัน เดือนละ 600 คัน กลายเป็นความเจ็บปวดของชาวระนองที่เห็นพม่าใช้น้ำมันราคาถูกกว่าคนไทยแท้ๆ โดยชาวบ้านไม่ได้สนใจเรื่องสัญญาสัมปทานที่ภาครัฐทำกับพม่า แต่สนใจเรื่องราคาน้ำมันที่ส่งไปพม่าลิตรละ 18 บาท ขณะที่คนไทยลิตรละกว่า 30 บาท
ขณะที่ กลุ่มประมงไทย ได้รับการช่วยเหลือในโครงการน้ำมันเขียวปลอดภาษีจากภาครัฐ มีเรือบริการตามข้อตกลง ส่วนชาวบ้านทั่วไประดับรากหญ้าได้รับความเดือดร้อน เพราะต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ จึงทำให้มีชาวบ้านบางกลุ่มข้ามฝั่งไปซื้อน้ำมันใส่แกลลอนนำกลับมาใช้กับเครื่องจักรในการเกษตร ซึ่งหากราคาน้ำมันขยับขึ้นถึงลิตรละ 40 บาท คงไม่อาจอยู่เฉยได้ และทุกวันนี้รถยนต์ส่วนใหญ่ก็หันมาติดแก๊สเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง รองประธานหอการค้า จ.ระนอง กล่าวถึงปัญหาว่า รัฐควรทบทวนเงินจัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมันว่า สามารถปรับลด หรือชะลอไว้ก่อนได้หรือไม่ ขณะที่ชาวบ้านเองไม่ได้มอง ปตท.ในแง่ร้าย เพียงแต่เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นแล้ว จะมีวิธีการช่วยเหลือหรือแก้ไขอย่างไร ไม่ใช่โกยแต่ผลกำไรอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านที่่มีสายป่านสั้นได้รับผลกระทบรุนแรง น่าเป็นห่วง หากไม่ได้รับการดูแลจะล้มหายไปเหลือแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง // กระแสต้าน ปตท.เหตุน้ำมันแพงลามระนองหยุดเติมปั๊ม ปตท.1-7 มิ.ย
