ตม. 2 นาย ประจำด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว บกพร่องในหน้าที่ ปล่อย “พระพรหมเมธี” หลบหนี โดยตรวจสอบแต่เอกสารไม่มีการตรวจค้นรถยนต์ ผบก.ตม.4 ชงเอาผิด หากตรวจพบหลุดออกไปที่ด่านจริงจ่อเพิ่มโทษแรงขึ้น
วันที่ 8 มิ.ย.61 พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 (ผบก.ตม.4) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ภาค 4 (บก.ตม.4) ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ที่รับผิดชอบดูแล ตรวจสอบบุคคลเข้าออก บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 3 นครพนม–คำม่วน ตำแหน่งรองสารวัตร 2 คน ฐานบกพร่องต่อหน้าที่ เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่า อดีตพระพรหมเมธี หรือ พระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาส
จากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การรับสารภาพว่า มีการละเว้นขั้นตอนปฏิบัติระหว่างทำงาน บริเวณจุดตรวจดังกล่าว โดยมีการตรวจสอบแคเอกสาร ไม่ได้ตรวจค้นรถที่ผ่าน เข้า-ออก แต่อย่างใด ซึ่งทาง ตรวจคนเข้าเมือง 4 กำลังส่งเรื่องต่อไปยัง ผู้บังคับบัญชา เพื่อให้พิจารณาคำสั่งลงโทษ
แต่ทั้งนี้ จะต้องรอตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนจาก กองปราบปราม และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างละเอียดอีกครั้งว่า เส้นทางที่ อดีตพระพรหมเมธี หรือ พระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ใช้ในการหลบหนีแท้จริงแล้ว คือ ผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 หรือว่าเส้นทางธรรมชาติ โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน มีความผิดเบื้องต้น คือ บกพร่องต่อหน้าที่ แต่หากสืบสวนแล้วพบว่า เส้นทางที่ อดีตพระพรหมเมธี ใช้หลบหนีไปได้ คือ จุดตรวจดังกล่าว ก็อาจมีการเพิ่มบทลงโทษที่แรงขึ้น
ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 2 นาย ประจำด่านตรวจคนเข้าเมือง พรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่ 3 นครพนม-คำม่วน ไม่ได้เป็นผู้นำพา อดีตพระพรหมเมธี หรือ พระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร พร้อมสีกาหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรไทย
