โซเชียล ตีกลับกระแส “แอมเนสตี้” ค้านโทษประหาร ตั้งคำถามทำไมต้องคุ้มครองอาชญากร หรือเพราะคนตายไม่ใช่ญาติ ? หลังจัดกิจกรรมชุมนุมไว้อาลัยให้กับคำตัดสินประหารชีวิต โดยชาวเน็ต พากันเรียกร้องให้ญาติคนตาย ออกมาขับไล่องค์กรสิทธิดังกล่าว
จากกรณี กรมราชทัณฑ์ ได้บังคับโทษประหารชีวิตนักโทษชาย ในคดีฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณโหดร้ายที่ จ.ตรัง ชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ ซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ส่งผลให้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกมาระบุว่า เป็นการละเมิดสิทธิ ที่จะมีชีวิตรอดอย่างน่าละอาย อีกทั้ง โพสต์เชิญชวนให้ประชาชนไปร่วมแสดงจุดยืน ด้านสิทธิมนุษยชน ร่วมไว้อาลัยแด่การตัดสินโทษประหารชีวิตอย่างพร้อมกัน ที่หน้าเรือนจำกลางบางขวาง
ล่าสุด โลกโซเชียล ยังมีกระแสตอบโต้องค์กรแอมเนสตี้ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า “ครอบครัวเหยื่อถูกฆาตกรรม ได้ฝากถึงนักสิทธิมนุษชน และนักโทษทั้งหลายว่า กลุ่มนักโทษในคุก เกลียดพวกก่อคดีกับเด็กและผู้หญิงเป็นที่สุด ถ้าเข้าคุกไปในข้อหานี้ มักเจอรับน้องหนักมาก แทบปางตาย หรือตกนรกทั้งเป็น” โดยยกตัวอย่าง หญิงสาวคนหนึ่ง ถูกคนร้ายบุกขึ้นบ้านแล้วแทง แม่ และน้องชายจนเสียชีวิต ทำให้ต้องอยู่กับความเจ็บปวด ทุกข์ทรานใจเหมือนตายทั้งเป็น ตลอดชีวิต ทั้งที่ แม่ของหญิงสาวเป็นคนจิตใจดีชอบช่วยเหลือ แต่คนๆ นั้นกลับมาทำร้ายแม่ถึงแก่ชีวิต พร้อมตั้งคำถามกลับว่า “ทำไมคนร้าย อาชญากรถึงได้รับความคุ้มครอง หรือเพราะคนที่ตายไม่ใช่ญาติพี่น้อง?”
มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นเกี่ยวกับ เรื่องโทษประหารชีวิต เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลฯ และค้านนักสิทธิมนุษยชน ที่เห็นแก่นักโทษมากกว่าเห็นใจเหยื่่อที่ถูกกระทำ หรือแม้แต่พ่อแม่ญาติพี่น้องของเหยื่อที่ต้องทนทุกข์ทรมาน โดยคิดว่าสิ่งที่ แอมเนสตี้ ทำเป็นการไม่ยุติธรรม และอยากให้ญาติเหยื่อที่โดนฆ่าออกมารวมตัวประท้วงขับไล่แอมเนสตี้ไทยแลนด์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง // แย้ง “แอมนาสตี้ฯ” เห็นใจอาชญากร มองข้ามเสียงเหยื่อและญาติ
