“ศุภชัย”ชี้โลกกำลังเปลี่ยนผ่าน จากโลกาภิวัฒน์ครั้งที่ 3 ทุกประเทศเข้ามีบทบาทในสถานการณ์โลก มองเกิดการแบ่งแยกมากขึ้น เป็นปัจจัยเสี่ยงโลกยุคใหม่
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับ สำนักพิมพ์อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับบลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) จัดเสวนาในหัวข้อ”โลกาภิวัตน์ในชีวิตจริง” ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมี ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รองนานกรัฐมนตรีด้านต่างประเทศ และอดีตผู้อำนวยการองค์การค้าโลก, ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ กล่าวว่า จากกระแสโลกาภิวัตน์ทำให้โลกเปลี่ยนไปอย่างมาก สหรัฐฯภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์จะเป็นอย่างไร ซึ่งสถานการณ์โลกปัจจุบันทุกอย่างกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป็นการเปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่น สถานการณ์โลกาภิวัตน์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ของการเปลี่ยนแปลงโลกอย่างหนัก
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับการถกเถียงมากทุกอย่างเกิดขึ้นจากกระแส เราต้องมานั่งคิดกันว่าจะสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ให้ได้อย่างไร ต้องยอมรับว่าจากสถานการณ์โลกปัจจุบันจะทำให้ประเทศโลกที่สามจะสามารถเข้ามามีบทบาทในการกำหนดสถานการณ์การค้าขายของโลกมากขึ้น หลังจากที่ยุโรป กับ สหรัฐฯ เป็นฝ่ายกำหนดมาตลอด
ขณะนี้จีนกำลังจะทำตัวเป็นผู้นำของโลกทางความคิด ส่วนสหรัฐฯผู้นำรายเก่ากำลังอยู่ในสถานะที่กำลังถอนตัวออกจากภาวะโลกาภิวัตน์ ในทำนองเดียวกันเราก็มีโลกที่เเบ่งแยกมากขึ้น เป็นโลกที่สู้กันระหว่างความคิดที่ขวาสุดโต่งและซ้ายสุดโต่ง จะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการที่แสดงว่าการเคลื่อนไหวของคนเป็นสิ่งสำคัญที่อาจทำให้เกิดความแตกแยก หรือ สงครามได้ สิ่งที่จีนพยายามทำให้ทุกชาติเห็นคือโลกเปลี่ยนไปแล้ว
โลกสมัยนี้ไม่ได้มีแค่สหรัฐฯ กับ ยุโรป เหมือนสมัยก่อนเเล้ว ปัจจุบันมันเป็นโลกที่ทุกชาติต้องเท่าเทียมกัน ทุกชาติต้องเข้ามาช่วยกันดูแล นอกจากนี้การล่มสลายการเงินในปี 2008 ทำให้ชาติที่เป็นเลเบอร์มีบทบาทลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ถ้าจะพูดถึงทรัพยากรที่ทำให้เกิดการเหลื่อมล้ำไม่ใช่เรื่องเงินอีกต่อไปแล้ว
แต่เป็นเรื่องของโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ให้สามารถทำประโยชน์ได้มากที่สุด อีกไม่นานจีนกำลังจะแซงหน้าสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการเเล้ว ซึ่งสหรัฐฯ ก็รู้เรื่องนี้อยู่เต็มอกเเละก็กำลังเป็นกังวล เพราะจีนเองมีระบบเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้นทุกวัน
และมีประชากรอีกพันกว่าล้านคนซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยจับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และจีนกำลังจะมีอุตสาหกรรมแบบใหม่ที่นำเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามาควบคุม ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางโลก และศูนย์กลางอำนาจของโลกกำลังค่อยๆย้ายจากสหรัฐฯ มาสู่จีน
ด้าน ดร.คณิศ แสงสุพรรณ กล่าวเสริมว่า เรื่องที่จีนจะก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ในโลกไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่ถูกพูดถึงมานานเเล้ว และขณะที่จีนกำลังขยายอำนาจขึ้นก็จะมีเรื่องกระทบกระทั่งกับชาติอื่นเป็นเรื่องปกติ ด้านสหรัฐฯ กำลังประสบปัญหาแต่ฝ่ายจีนยิ่งพัฒนาไปไกลเรื่อยๆ
ส่วนชาติในเอเชียที่ถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือชาติที่อยู่กับสหรัฐฯ และชาติที่อยู่กับจีน ปัจจุบันสหรัฐฯปิดประเทศมากขึ้น ก็น่าจะทำให้ชาติในเอเชียมีความใกล้ชิดเเละความร่วมมือกันมากขึ้น แต่ต้องมีผู้นำที่ชัดเจน ขบวนการเปลี่ยนผ่านน่าจะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก แต่ส่วนหนึ่งที่เราต้องเข้าใจคือจีนรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ระบบเศรษฐศาสตร์ในประเทศรันต่อไปอย่างไม่ติดขัด ดังนั้นแล้วโอกาสที่จีนจะล้มเหลวในอนาคตเป็นเรื่องที่ยากมาก
ส่วน ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย กล่าวทิ้งท้ายสั้นๆว่า เห็นด้วยกับอาจารย์ทั้งสองท่านที่กล่าวไปข้างต้นทั้งหมด แต่ว่าอยู่ที่ไทยเราจะทำอย่างไรต่อไป สิ่งที่เราต้องหันกลับมาดูกันอย่างจริงจังคือ เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจริงๆหรอ มันเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่พืชผลหลักทางเกษตรกรรมของไทยราคาตกลง 4 ปีติดต่อกันแล้ว ขณะเดียวกันระบบราชการก็มีการลดจัดซื้อจัดจ้างลง จึงเป็นปัญหาว่าสรุปแล้วเศรษฐกิจไทยเราดีจริงหรอ สิ่งที่ตะเกิดต่อไปคือจีนจะผงาดเป็นผู้นำโลกแน่ นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยมากมาย ซึ่งเราต้องถามตัวเองว่าเราจะอยู่กับจีนแบบไหน สิ่งสำคัญคือเศรษฐศาสตร์ในชีวิตจริงจะเคลื่อนตัวอย่างไร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: