ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต แนะประชาชนในพื้นที่ 38 จังหวัด เตรียมรับมือฝนเพิ่มขึ้น ถึงวันที่ 10 กันยายนนี้ และติดตามข้อมูลน้ำผ่านเว็บไซต์กลาง สร้างการรับรู้ประชาชนก่อนเกิดภัยพิบัติ
5 ก.ย. 61 นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต เปิดเผยว่าจากขณะนี้ไปถึงวันที่ 10 ก.ย. 61 ยังมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนัก 38 จังหวัด ในภาคเหนือ จ.เชียงราย พะเยา น่าน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก ภาคอีสาน จ.เลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ภาคกลาง จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ภาคตะวันออก จ.ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ภาคตะวันตก จ.กาญจนบุรี ราชบุรี ภาคใต้ จ.ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง สตูล
สถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่มี 53,837 ล้าน ลบ.ม. ร้อยละ 76 ขนาดกลาง มีน้ำ 3,107 ล้าน ลบ.ม. ร้อยละ 60 รับน้ำได้อีก 19,207 ล้าน ลบ. ม. โดยเขื่อนที่ความจุเกิน 100% มีขนาดใหญ่ 2 แห่ง เช่น เขื่อนน้ำอูน และเขื่อนแก่งกระจาน ขนาดกลาง 15 แห่ง ส่วนเขื่อนเฝ้าระวังมีน้ำ 80-100% เป็นเขื่อนใหญ่ 5 แห่ง ได้แก่ เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนรัชชประภา เขื่อนขุนด่านปราการชล ขนาดกลาง 63 แห่ง และเฝ้าติดตามเขื่อนน้ำน้อยกว่า 30% เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ เขื่อนแม่มอก เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนทับเสลา ขนาดกลาง 37 แห่ง
ระยะนี้ประชาชนสามารถติดตามภาพรวมสถานการณ์น้ำ รายชั่วโมงแบบเรียลไทม์ ทางเว็บไซต์ www.waterinfo.onwr.go.th ของศูนย์เฉพาะกิจฯ ซึ่งเป็นการบูรณาการข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศ น้ำฝน ระดับน้ำในลำน้ำ รวมทั้งการคาดการณ์พยากรณ์ ไว้ในหน้าเดียว หรือ ONE MAP ตามนโยบายพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อมูลคาดการณ์สภาพอากาศล่วงหน้า ได้แก่ คาดการณ์เส้นทางการเคลื่อนตัวของพายุ คาดการณ์พื้นที่ฝนตกหนักล่วงหน้า คาดการณ์คลื่นลมแรง คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงเกิดน้ำหลากและดินโคลนถล่ม
