ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แฉแหลกมี 2 หน่วยงานเตรียมโกงการเลือกตั้งให้พรรคพลังประชารัฐ เผยมีการขอตำแหน่งรัฐมนตรีล่วงหน้าแล้วหากพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล แต่มั่นใจเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง ชี้ สุดารัตน์เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทยและหัวหน้าทีมปราศรัย กล่าวว่า ขณะนี้มีหน่วยงาน 2 หน่วยงานกำลังคิดจะโกงการเลือกตั้งให้กับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง แต่ยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ 2 หน่วยงานดังกล่าว ตนเองมั่นใจว่าพรรคการเมืองที่จะโกงการเลือกตั้งในครั้งนี้นั้นฟันธงได้เลยว่าไม่มีวันชนะอย่างแน่นอน
เพราะประชาชนในประเทศมีความเข้าใจและแยกแยะได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ขณะที่เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาล คสช. ได้ออกมาแถลงเรื่องการปลดล็อกกิจกรรมทางการเมืองแต่ยังคงพูดกำกวมไม่ชัดเจน ซึ่งความจริงเป็นสิ่งที่ต้องพูดให้ชัดเพราะประชาธิปไตยไม่ใช่สมบัติของรัฐบาล แต่ประชาธิปไตยเป็นสมบัติของประชาชน
ส่วนความคิดเห็นที่รู้สึกอย่างไรกับการปลดล็อกกิจกรรมทางการเมืองครั้งนี้ของ คสช. ตนเองไม่ได้รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย เพราะรู้สึกว่ารัฐบาลปลดล็อกกิจกรรมทางการเมืองช้าไปด้วยซ้ำ ซึ่งความจริงแล้วควรจะต้องคืนสิทธิเสรีภาพให้กับพรรคการเมือง และประชาชนในประเทศมาตั้งนานแล้ว
ขณะที่การเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้มีนโยบายจะตัดชื่อพรรคและโลโก้พรรคออกจากบัตรเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องที่ต้องสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะการเลือกตั้งทุกประเทศล้วนแล้วแต่มีโลโก้พรรค หรือชื่อพรรคอยู่ที่บัตรเลือกตั้งด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งการทำแบบนี้เป็นการคิดแบบล้าหลังนำไปสู่ความไม่เจริญ
สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีการพยายามห้ามการปราศรัยของพรรคการเมืองอีกด้วย ส่วนกรณีอนุญาตให้ปราศรัยได้นั้น จะให้ กกต. จัดเวทีไว้ให้ ซึ่งที่ผ่านมาเคยทำแล้วในอดีต โดยที่ไม่มีพี่น้องประชาชนไปฟังเลย เพราะอยู่ในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม
ขณะเดียวกันรัฐบาลชุดนี้ได้สร้างมรดกบาปไว้ 2 เรื่อง คือร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งมีรัฐธรรมนูญทั้งหมด 279 มาตรา แต่ก็เป็นรัฐธรรมนูญที่ใช้ไม่ได้ เนื่องจากไปนำเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญปี 2522 มาใช้นำไปสู่การคงอยู่ของระบอบยึดอำนาจ นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นเรื่องที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน
จึงอยากวิงวอนให้ประชาชนในประเทศเลือกพรรคเพื่อไทยกันเยอะๆ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายการบริหารชัดเจนไม่เหมือนบางพรรคที่พูดไม่เหมือนกันสักครั้ง รัฐบาลชุดใหม่ที่จะได้จากการเลือกตั้งปี 2562 จะเป็นรัฐบาลชุดที่มีผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถามสิว่าเสียงส่วนใหญ่ที่อยู่ในสภา จะเป็นคนละฝ่ายกับนายกรัฐมนตรี ที่มีเสียงข้างน้อยแล้วแบบนี้จะบริหารประเทศได้อย่างไร ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ที่คิดมาแบบไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศ
ส่วนเรื่องที่ 2 คือการร่างแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี ที่มีทั้งหมด 71 หน้า ตนเองได้อ่านมาแล้วถึง 3 เที่ยว ก็เจอประเด็นเล็กๆ เช่น หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมออกกฎหมายให้ใช้เฉพาะบุคคล การพิพากษากฎหมายย้อนหลังทางเป็นโทษไม่มี และยังไม่ได้มีการพูดถึงแผนการแก้ไขปัญหายาเสพติดแม้แต่นิด ซึ่งปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาบ่อนทำลายชาติอย่างมาก
สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถปราบปรามและจับกุมยาเสพติดได้นั้นเป็นเพราะตำรวจเหล่านั้นเขามีฝีมือ และเฝ้าติดตามการจับกุมกันเอง ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ไม่มีเลยที่จะหันมาเหลียวแล และไม่เคยพูดถึงการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดยาเสพติดเลย ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องของแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติที่ต้องเร่งแก้ไขให้เข้ารูปเข้ารอย
ส่วนเรื่องม็อบ กปปส. นั้นก็เป็นม็อบเทียมที่สร้างสถานการณ์นำพาไปสู่การรัฐประหาร เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่ผ่านมาอยู่เฉยมาโดยตลอดแต่ก็ตามการเมืองไม่ขาด ซึ่งการจัดการเลือกตั้งต้องเป็นหน้าที่ของ กกต. รัฐบาลไม่เกี่ยวซึ่งหลายประเทศก็เป็นแบบนี้ และมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะไม่มีวันชนะการเลือกตั้งได้อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันตนได้รู้มาว่าได้มีการขอตำแหน่งกันล่วงหน้าแล้ว ซึ่งสามารถเปิดเผยได้ว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขอเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุชาติ ตันเจริญ ขอเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ขอเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนคนที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไปก็เป็นเรื่องของเขาแต่ขออย่าให้พูดว่ารักพรรคเพื่อไทย ให้ประกาศเลยว่าเป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ และ 4 รัฐมนตรีที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐนั้นส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่มีทางลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เพราะอาศัยอำนาจของ คสช. จนได้เป็นรัฐมนตรีกันทั้งนั้น
สำหรับการสอดส่องเรื่องการทุจริตเลือกตั้ง ตนได้ตั้งศูนย์ดูแลการเลือกตั้งให้ยุติธรรมแล้ว เป็นทีมเล็กๆ ที่ประกอบด้วยอดีตนายตำรวจ ยศพันตำรวจเอก กว่า 10 คน มีสโลแกนว่า ตาสับปะรด หูทิพย์ โดยจะให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตคอยเป็นหูเป็นตา และเฝ้าระวังคนที่จะกระทำความผิด ตนเชื่อว่าสมัยนี้สื่อจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความเป็นธรรมให้การเลือกตั้ง
ถ้าทุกฝ่ายช่วยกัน พรรคพลังประชารัฐจะต้องจบเกมอย่างแน่นอน เพราะคิดไม่เก่ง แก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ไม่เป็น คิดแต่จะแจกอย่างเดียว การแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นมันต้องเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ขยายการลงทุน เพื่อให้ นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุน รัฐก็เก็บภาษีได้ แต่ตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะรวยกระจุก จนกระจาย
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวอีกว่า จะมีการสัมภาษณ์แบบเปิดใจเรื่องราวต่างๆ อีกครั้ง ที่ศูนย์การเลือกตั้งนายวัน อยู่บำรุง โดยจะพูดให้หมดของที่มาในการเข้าถึงอำนาจของ คสช. พร้อมกับยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งในปี 2562 และยังสนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะเป็นคนมีความสามารถ ส่วนตนนั้นไม่ขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน ถึงแม้ทางพรรคจะเสนอก็ตาม เพราะคิดว่าตนเองยังมีคุณสมบัติไม่พียงพอ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: